การลงทุนด้วยระบบ

[henry130 191]

ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย

กลุ่มเอ

แมนเชสเตอร์ ซิตี (อังกฤษ) ชนะ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) 2-0

บียาร์รีล (สเปน) แพ้ นาโปลี (อิตาลี) 0-2

หมายเหตุ - บาเยิร์น มิวนิค และ นาโปลี เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ซิตี ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

 

กลุ่มบี

ลีลล์ (ฝรั่งเศส) เสมอ แทร็บซอนสปอร์ (ตุรกี) 0-0

อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) แพ้ ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย) 1-2

หมายเหตุ - อินเตอร์ มิลาน และ ซีเอสเคเอ มอสโก เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แทร็บซอนสปอร์ ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

 

กลุ่มซี

เอฟซี บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์) ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 2-1

เบนฟิกา (โปรตุเกส) ชนะ โอเตลุล กาลาติ (โรมาเนีย) 1-0

หมายเหตุ - เบนฟิกา และ เอฟซี บาเซิล เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

 

กลุ่มดี

ดินาโม ซาเกร็บ (โครเอเชีย) แพ้ โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) 1-7

อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) แพ้ รีล มาดริด (สเปน) 0-3

หมายเหตุ - รีล มาดริด และ โอลิมปิก ลียง เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ไปเล่นยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

[henry130 191]

 

อาร์เซนอล เตรียมจัดงานฉลองครบรอบ 125 ปีของสโมสรด้วยการเปิดตัวรูปปั้น 3 ตำนานต่างยุคต่างสมัยอย่าง เฮอร์เบิร์ต แชปแมน, โทนี อดัมส์ และ เธียร์รี อองรี ในวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ ก่อนมีพิธีอย่างเป็นทางการในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จะเปิดบ้านต้อนรับ เอฟเวอร์ตัน วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคมนี้

 

โดย เฮอร์เบิร์ต แชปแมน เป็นผู้จัดการทีมที่พา “ปืนใหญ่” คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในปี 1931 ก่อนพาทีมได้แชมป์อีกสมัยในปี 1933 ทว่าเสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบในปี 1934

 

ด้าน โทนี อดัมส์ เป็นอดีตกองหลังกัปตันทีมซึ่งค้าแข้งให้กับ “เดอะ กันเนอร์ส” เป็นเวลานานถึง 19 นับตั้งแต่เข้าสู่ทีมด้วยวัยเพียง 17 ปีเมื่อปี 1984 ลงเล่นไปทั้งสิ้น 674 นัด ยิง 49 ประตู พาทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้ถึง 10 ครั้ง ซึ่งแบ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 4 สมัยในช่วง 3 ทศวรรษที่ต่างกัน (1988-1989, 1990-1991, 1997-1998 และ 2001-2002)

 

ส่วน เธียร์รี อองรี ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสเป็นผู้บันทึกสถิติยิงประตูมากที่สุดให้กับ อาร์เซนอล จากผลงาน226 ประตูในการลงสนาม 337 นัดตลอดช่วงที่รับใช้สโมสรในระหว่างปี 1999-2007 หลังย้ายมาจาก ยูเวนตุส ก่อนที่จะโบกมือลาไปร่วมทีม บาร์เซโลนา ตามด้วย นิวยอร์ก เรดบูลล์ส ในปัจจุบัน โดยล่าสุดก็ได้มาฝึกซ้อมร่วมกับ “ปืนใหญ่” เพื่อรักษาสภาพความฟิตก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ของศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐฯ

[Aekasin 20]

แบ่งปัน แบ่งปัน แบ่งปัน พิจารณามหาพิจารณาๆๆๆๆๆๆ

[deb99 290]

งงครับ

[Ohshikung 80]

ขอบคุณคะ

[henry130 191]

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554

 

22.00 น. แมนฯ ยูไนเต็ด - วูล์ฟแฮมป์ตัน ทรูสปอร์ต 1

22.00 น. โบลตัน - แอสตัน วิลล่า ทรูสปอร์ต 2

22.00 น. ลิเวอร์พูล - ควีนส์ปาร์ค ทรูสปอร์ต 3

22.00 น. อาร์เซน่อล - เอฟเวอร์ตัน ทรูสปอร์ต 5

22.00 น. เวสต์บรอมวิช - วีแกน ทรูสปอร์ต 6

22.00 น. นอริช ซิตี้ - นิวคาสเซิ่ล ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า107

22.00 น. สวอนซี ซิตี้ - ฟูแล่ม ทรูสเปเชียล สปอร์ต161

 

ลา ลีกา สเปน

 

00.00 น. เลบันเต้ - เซบีย่า ทรูสปอร์ต 5

02.00 น. เรอัล เบติส - บาเลนเซีย ทรูสปอร์ต 1

04.00 น. เรอัล มาดริด - บาร์เซโลน่า ทรูสปอร์ต 1

 

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2554

 

20.30 น. ซันเดอร์แลนด์ - แบล็คเบิร์น ทรูสปอร์ต 1

23.00 น. สโต๊ค ซิตี้ - สเปอร์ส ทรูสปอร์ต 1

 

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2554

 

03.00 น. เชลซี - แมนฯ ซิตี้ ทรูสปอร์ต 1[/font]

[kh.sathit 13]

ขอบคุณ คุณส้มโอมือ และทุกท่านที่แบ่งปันสิ่งดีๆครับ

[ส้มโอมือ 4,910]

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

คอลัมนิสต์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเศรษฐกิจ คอลัมน์ "เศรษฐศาสตร์จานร้อน"

ผลตอบแทนจากการลงทุน 1980-2011

http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/supavut/20111212/423752/ผลตอบแทนจากการลงทุน-1980-2011.html

[ส้มโอมือ 4,910]

ข้อตกลงยุโรปยังไม่พอต้องรอพิสูตจน์ยาว

 

สิ้นสุดลงไปแล้วอีกรอบกับการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป เมื่อวันที่ 8-9 ธ.ค.

 

 

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

สิ้นสุดลงไปแล้วอีกรอบกับการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป เมื่อวันที่ 8-9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตาทุกคู่จากทั่วทุกมุมโลกที่จับจ้องมองมา เพราะการประชุมในครั้งนี้คือกุญแจสำคัญที่จะเปิดหรือปิดหนทางสู่เสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาค พร้อมๆ กับการผลักดันเศรษฐกิจของภูมิภาคให้รอดพ้นจากการล่มสลาย

ข้อตกลงซึ่งที่ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป 23 ประเทศ ยกเว้นอังกฤษ และฮังการี เห็นพ้องยอมรับใช้ร่วมกัน ก็คือ ข้อตกลงทางการคลัง (Fiscal Compact) ที่จะเป็นกรอบการทำงานตามกฎหมายที่จะควบคุมและป้องกันไม่ให้ชาติสมาชิกเดินตกหล่มหนี้สาธารณะจนเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์หนี้อีกครั้ง

เรียกได้ว่าข้อตกลงที่ออกมาก็คือ ข้อตกลงร่วมระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่การแก้ไขสนธิสัญญายุโรป ตามที่ตลาดหลายฝ่ายคาดการณ์ หรือคาดหวัง

ประเด็นหลักๆ ของข้อตกลงดังกล่าวไล่เรียงมาตั้งแต่การยอมให้คณะทำงานส่วนกลางของยุโรปเข้ามาดูแลการคลังของแต่ละประเทศได้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงการที่รัฐบาลแต่ละชาติต้องยื่นรายงานงบประมาณทางการคลังให้กับส่วนกลาง พร้อมๆ กับที่ต้องทำเรื่องรายงานเสมอก่อนที่จะออกพันธบัตร

นัยว่าเป็นมาตรการตรวจสอบป้องกันไม่ให้ประเทศสมาชิกต้องซ้ำรอยเดิมกับอาการปวดหัวจากตัวเลขการขาดดุลงบประมาณที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง และเพื่อควบคุมให้มีวินัยทางการคลังมากขึ้น

 

นอกจากนี้ ข้อตกลงในการควบรวมการคลังของ 17 ชาติสมาชิกซึ่งใช้สกุลเงินยูโร และอีก 6 ชาติที่ไม่ได้ใช้เงินยูโร ยังครอบคลุมถึงชะตากรรมของกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อสู้รบกับปัญหาหนี้สาธารณะของภูมิภาค ว่าจะสิ้นสุดลงกลางปี 2556 ขณะเดียวกันก็จะนำกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (อีเอสเอ็ม) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือถาวรสำหรับยูโรโซนมาใช้ในปี 2555 หรือใช้ควบคู่ไปด้วยกัน 1 ปี ก่อนที่อีเอฟเอสเอฟจะหมดอายุลง

ขณะที่ข้อตกลงอื่นๆ ในการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปยังรวมไปถึงการที่บรรดาชาติอื่นๆ ในบริเวณภูมิภาคยุโรปเตรียมจ่ายเงินสมทบมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านเหรียญยูโร (ราว 8.2 ล้านล้านบาท) ให้กับกองทุนฉุกเฉินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยแผนการในข้อนี้จะได้บทสรุปภายใน 10 วัน หลังจากที่สิ้นสุดการประชุมเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับข้อตกลงสุดท้ายที่บรรดาประเทศกลุ่มอียูจับมือพยักหน้ากันได้ก็คือการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การออกเสียงลงคะแนนในอีเอสเอ็ม ที่ยอมให้ผ่านมติด้วยคะแนนเสียง 85% จากทั้งหมด ในกรณีที่เป็นเรื่องเร่งด่วน

เรียกได้ว่า ความพยายามข้างต้นเกิดขึ้นเพื่อหลีกหนีข้อติดขัดที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ในการที่จะอนุมัติเงินช่วยเหลือเร่งด่วนกับชาติสมาชิกที่กำลังประสบปัญหา

อีกสิ่งสำคัญประการต่อมา ที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมคราวนี้ก็คือ ที่มาของเงินช่วยเหลือที่จะหยิบยื่นให้แก่ชาติสมาชิกที่กำลังเจอหรือมีสิทธิเจอหนี้ในอนาคต

แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งจะมาจากการขายพันธบัตรที่ประเทศต่างๆ ในยูโรโซนให้การรับรอง ขณะที่ส่วนหนึ่งจะมาจากกองทุนอีเอฟเอสเอฟ ที่เพิ่งจะตกลงเพิ่มขนาดกองทุนไปเป็น 4.4 แสนล้านเหรียญยูโร

ด้านกองทุนอีเอสเอ็มตัวใหม่จะมาจากการระดมเงินของสมาชิก โดยสัดส่วนของเงินที่แต่ละประเทศสมาชิกจะต้องจ่ายนี้มากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของเศรษฐกิจแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ จากการประเมินคร่าวๆ ของนักเศรษฐศาสตร์ หากทุกประเทศจ่ายเงินเข้ากองทุนอีเอสเอ็มครบก็จะทำให้มีกองทุนมูลค่าสูงถึง 7 แสนล้านยูโร ซึ่งทำให้ทันทีที่มีการนำอีเอสเอ็มมาใช้งานเต็มตัว กองทุนดังกล่าวจะมีศักยภาพในการให้เงินช่วยเหลือชาติ สมาชิกสูงกว่า 5 แสนล้านยูโร (ราว 200 ล้านล้านบาท)

ด้านเงินอีก 2 แสนล้านยูโร ซึ่งคาดกันว่าเพียงพอสำหรับการสมทบให้กับกองทุนไอเอ็มเอฟนี้จะมาจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรป ซึ่งจะเป็นเงินสำรองของธนาคารต่างๆ โดยจะต้องมีการหารือกันในรายละเอียดต่อไป

ขณะเดียวกัน การประชุมดังกล่าวยังได้ข้อสรุปสำคัญที่อาจถือได้ว่าช่วยเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กำลังเหือดหายไปจากภูมิภาคยุโรปให้กลับคืนมาอีกครั้ง นั่นคือการตกลงกันในเรื่องของบทลงโทษ สำหรับประเทศสมาชิกที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

แน่นอนว่า ประเด็นหนึ่งที่โดดเด้งและมีการกล่าวถึงมากที่สุดก็คือ เรื่องการแทรกแซงอัตโนมัติทันทีที่การขาดดุลของสมาชิกเกินเพดานที่กำหนดไว้ที่ 3%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปฏิกิริยาของตลาดที่มีผลต่อการประชุมจะตอบรับในทางบวก เห็นได้จากตัวเลขตลาดหุ้นทั่วยุโรป สหรัฐและเอเชีย ปรับตัวเป็นบวกทั่วหน้า แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งกลับมองว่า เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามาตรการดังกล่าวจะได้ผล

เพราะผลลัพธ์ของข้อตกลงในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูล้วนขึ้นอยู่กับความเอาจริงเอาจังของบรรดานักการเมืองในประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ว่าพร้อมจะเคร่งครัดกับกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมากน้อยแค่ไหน

แต่จากสิ่งที่นักลงทุนได้เรียนรู้มาในอดีต ทุกอย่างล้วนบ่งชี้ให้เห็นว่ามาตรการบรรเทาวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปที่ออกมาแต่ละครั้ง ล้วนใช้งานได้ในระยะสั้นเท่านั้น

นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญอีกอย่างที่เกิดขึ้นจากการประชุมสุดยอดผู้นำอียูครั้งนี้ และส่งผลสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกก็คือ ความเห็นที่แตกแยกอย่างเห็นได้ชัดของบรรดาผู้นำในการที่จะ “เอา/ไม่เอา” ตามข้อตกลงที่มีหัวเรือใหญ่อย่างฝรั่งเศสและเยอรมนีผลักดันอยู่

ทั้งนี้ ประเทศที่ไม่เอาแน่ๆ ในขณะนี้ก็คือ อังกฤษ ซึ่งไม่ยอมเซ็นชื่อลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่า ข้อตกลงที่มีไม่ได้รวมมาตรการหรือกลไกใดๆ ในการปกป้องระบบตลาดเดียวและภาคการบริการด้านการเงินเลยแม้แต่น้อย ขณะที่อีก 3 ชาติที่เหลือ คือ สวีเดน สาธารณรัฐเช็ก และฮังการี แบ่งรับแบ่งสู้โดยระบุว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องรออภิปรายร่วมกับสภาของแต่ละประเทศก่อน

บทสรุปที่ออกมาแสดงให้เห็นความแตกแยกที่ร้าวลึกภายในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือหากจะชี้ให้ชัดเจนลงไปก็คือความขัดแย้งระหว่างอังกฤษกับกลุ่มประเทศที่เหลือ จนนักวิเคราะห์เห็นตรงกันว่า นับต่อจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและประเทศสมาชิกอื่นๆ ในอียูคงเป็นไปอย่างเย็นชาทีเดียว

อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาแรกสุดของผู้ที่ติดตามวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปมาตั้งแต่ต้น ผลประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปครั้งล่าสุดที่ปรากฏออกมานี้ ถือได้ว่าเป็นบทสรุปที่ดีในช่วงปลายปี แต่ยังไม่อาจเรียกว่าเป็นจุดจบของปัญหา

เพราะข้อตกลงใหม่ที่สรุปเคาะรวมกันมาให้เห็นให้พูดถึงกันในช่วงนี้ ยังต้องมีการพูดคุยกันในรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้มีความชัดเจน ซึ่งกว่าจะได้ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ก็ปาเข้าไปเดือน มี.ค. ปี 2555

เท่านั้นยังไม่พอ ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องเข้ากระบวนการผ่านการพิจารณารับรองจากแต่ละประเทศที่เข้าร่วม โดยอาจมี 4 ประเทศสมาชิกที่เหลือซึ่งยังไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในครั้งนี้ เข้าร่วมด้วย

เท่ากับมีแววว่า คงต้องกินเวลายาวนานขึ้นไปอีก

นอกจากนี้แน่นอนว่าเมื่อใคร่ครวญ ตามหลักการที่วางไว้ ทั้งการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด และการให้เงินช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆ ย่อมนำไปสู่การแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ในภูมิภาคยุโรปได้

แต่คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจของนักลงทุนทั่วโลกในขณะนี้ก็คือว่า ยุโรปจะสามารถลงมือปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีขึ้นได้ดีมากน้อยแค่ไหน โดยมีปัจจัยจากประเด็นการเมืองภายในของแต่ละประเทศเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อความเคร่งครัดในการรักษาวินัยทางการคลัง ซึ่งรวมถึงนโยบายรัดเข็มขัดที่ประชาชนภายใต้ระบบทุนนิยมบริโภคไม่นิยมเท่าไรนัก

เพราะหากต้องเสียคะแนนนิยมสนับสนุน รัฐบาลแต่ละประเทศก็อาจเลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เพิ่มความเข้มงวดในครั้งนี้

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ซ้ำรอยเดิมที่ว่า ดีแต่พูดซื้อเวลา

และถ้าหากเป็นไปตามนั้น ยุโรปอาจถึงจุดจบโดยไม่ต้องการบทสรุปใดๆ อีกต่อไป

ถูกแก้ไข ธันวาคม 12, 2011 โดย ส้มโอมือ

[deb99 290]

ขอบคุณครับ

[ส้มโอมือ 4,910]

ลือธนาคารล้มละลาย ชาวลัตเวียแตกตื่นแห่ถอนเงินเกลี้ยงตู้ATM โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ธันวาคม 2554 01:32 น.

 

 

Share

ประชาชนชาวลัตเวียต่อแถวกดเงินตามตู้เอทีเอ็มท่ามกลางข่าวลือล้มละลาย เอเอฟพี - ข่าวลือทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับสถานะอันย่ำแย่ของธนาคารลัตเวียขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ก่อความตื่นตระหนกแก่ประชาชนที่แห่กันไปถอนเงินจนเกลี้ยงตู้เอทีเอ็ม หลังก่อนหน้านี้เกิดธนาคารล้มละลายไปแล้ว 2 แห่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำเอาสเวดแบงค์ ผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ของลัตเวียต้องออกมาปฏิเสธข่าวพัลวัน

 

เจ้าหน้าที่ต้องรุดเข้าไปเติมเงินสดแก่ตู้ทีเอ็มของธนาคารสเวดแบงค์ในลัตเวีย เกือบครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 298 ตู้เป็นการเร่งด่วน เนื่องจากตู้เอทีเอ็มเหล่านั้นแทบไม่มีเงินสดติดตู้อยู่เลยหลังจากอัตราการถอนเงินภายในชาติสมาชิกสหภาพยุโรปที่มีประชากรราว 2.2 ล้านคนแห่งนี้ พุ่งขึ้นถึง 10 เท่าหรือเป็นจำนวนราว 10 ล้านแลต(ราว 14 ล้านยูโรหรือ 580 ล้านบาท) เมื่อวันอาทิตย์(11)

 

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ สเวดแบงค์ ธนาคารพาณิชย์สัญชาติสวีเดน ผู้นำตลาดธนาคารในลัตเวีย เอสโตเนียและลิทัวเรีย ต้องรุดออกมาปฏิเสธข่าวลือบนโลกอินเตอร์เน็ตโดยทันทีหลังจากเกิดข่าวลือแพร่สะพัดขึ้นมาตามหลังการล้มละลายของธนาคารคราจ์บันกาแห่งลัตเวียเพียง 3 สัปดาห์

 

"เราเห็นผู้คนเข้ามาสอบถามบนเว็บไซต์และตามสาขาต่างๆเกี่ยวกับข่าวลือต่างๆนาๆ เนื้อหาในนั้นบางอย่างก็ไม่เป็นความจริงเลยและไร้สาระสิ้นดี" มาริส มาร์ซินสกีส์ ซีโอโอของธนาคารสเวดแบงค์สาขาลัตเวียกล่าวในถ้อยแถลง

 

"เราคิดว่าผู้คนคงลือกันไปต่างๆนาๆจากความเคลื่อนไหวในตลาดเงินและธนาคาร ด้วยความตื่นตระหนกต่อการปิดตัวลงของธนาคารธนาคารคราจ์บันกาและข่าวพาดหัวใหญ่อันน่ากลัวเกี่ยวกับยุโรปและยูโรโซน แต่หนทางที่ดีที่สุดสำหรับปัดเป่าข่าวลือนี้คือการให้ข้อมูลข่าวสารอย่างเที่ยงตรงและการดำเนินการแบบวันต่อวันของธนาคาร"เขากล่าว

 

ด้านนายกรัฐมนตรีวาลดีส โดมโบรฟสกีส์ ก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือนี้เช่นกัน "ข่าวลือนี้ไม่มีมูลเลย ไม่มีเหตุผลที่ต้องกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารสเวดแบงค์และธนาคารอื่นๆ ข่าวลือนี้เผยแพร่เพื่อสร้างสถานการณ์ที่ก่อความไม่มั่นคงในลัตเวีย" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว

 

ณ ธนาคารสเวดแบงค์ สาขาริกา มีประชาชนจำนวนมากต่อแถวยาวเหยียดรอใช้บริการตู้เอทีเอ็มในช่วงกลาง แต่ก็มีลูกค้าหลายคนบอกว่าการออกมาธุรกรรมทางการเงินวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข่าวลือเรื่องธนาคารล้มละลายเลย

 

ทั้งนี้ความตื่นตระหนกต่อข่าวลือทางภาคการเงินไม่ใช่เรื่องแปลกในลัตเวย โดยเมื่อปี 2008 ก็เคยเกิดข่าวลือเกี่ยวกับการลดค่าเงินแลต จนก่อความโกลาหลไปทั่วแต่สุดท้ายก็พบว่าไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย

[Hunk-Hunk 15]

ขอบคุณครับ

[deb99 290]

ขอบคุณสำหรับข่าวครับ

[Ohshikung 80]

[henry130 191]

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2554

 

22.00 น. นิวคาสเซิ่ล - สวอนซี ซิตี้ ทรูสปอร์ต 1

22.00 น. ฟูแล่ม - โบลตัน ทรูสปอร์ต 2

22.00 น. เอฟเวอร์ตัน - นอริช ซิตี้ ทรูสปอร์ต 3

22.00 น. วูล์ฟแฮมป์ตัน - สโต๊ค ซิตี้ ทรูสปอร์ต 5

22.00 น. แบล็คเบิร์น - เวสต์บรอมวิช ทรูสปอร์ต เอ๊กซ์ตร้า 107

00.30 น. วีแกน - เชลซี ทรูสปอร์ต 3

 

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2554

 

19.00 น. ควีนส์ปาร์ค - แมนฯ ยูไนเต็ด ทรูสปอร์ต 3

21.05 น. แอสตัน วิลล่า - ลิเวอร์พูล ทรูสปอร์ต 1

22.00 น. สเปอร์ส - ซันเดอร์แลนด์ ทรูสปอร์ต 3

23.10 น. แมนฯ ซิตี้ - อาร์เซน่อล ทรูสปอร์ต 1

 

ช่วงนี้ข้อมูลในระบบอัพเดทไม่ต่อเนื่อง เลยไม่ได้นำมาโพสต์ เพราะกลัวข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจะทำให้เพื่อน ๆ เสียหายได้

 

หากข้อมูลอัพเดทได้ต่อเนื่องแล้ว จะรีบนำมาโพสต์ให้นะครับ

 

ช่วงนี้ก็ดูบอลไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ

บิ๊กแมทสัปดาห์นี้ก็ 5 ทุ่มวันอาทิตย์ แมนฯซิตี้ เปิดบ้าน โดน ปืน ถล่มเละ นั่นแหละครับ :53 :53