ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

OECDเตือนวิกฤตยูโรเฉียดใกล้ดึง'ศก.ก้าวหน้าทั่วโลก'ตกต่ำแรง

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 23:29 น. Share

 

 

 

เอเอฟพี - วิกฤตหนี้สินยูโรโซนเวลานี้กำลังอยู่ห่างอีกเพียงก้าวเดียวจากการถลำลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกระทั่งภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง โดยที่จะส่งผลกระทบกระเทือนพวกระบบเศรษฐกิจก้าวหน้าของโลกพากันย่ำแย่สาหัสไปด้วย ทั้งนี้เป็นคำเตือนขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ในรายงานที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์(28)

 

รายงานทิศทางแนวโน้มทางเศรษฐกิจฉบับล่าสุดขององค์กรคลังสมองของพวก 34 ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าของโลกแห่งนี้ระบุว่า เขตยูโรโซนนั้นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างอ่อนๆ เรียบร้อยแล้ว และความน่าเชื่อถือของรัฐบาลต่างๆ ในยูโรโซนที่จะควบคุมวิกฤตหนี้สินภาคสาธารณะอันร้ายแรง ก็กำลังอยู่ในอาการเต็มเหยียดถึงขีดสุแล้ว ถ้าหากมีการก้าวพลาดอีกก้าวเดียวในตอนนี้ ก็อาจจะนำพาเอาสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, และชาติเศรษฐกิจก้าวหน้ารายอื่นๆ ตกลงสู่ภาวะเศรษฐกิจอันมืดมนครั้งใหม่

 

“วิกฤตในพื้นที่ยูโรกำลังเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน” รายงานของโออีซีดีระบุอย่างตรงไปตรงมา “เหตุการณ์เชิงลบขนาดใหญ่ๆ เหตุการณ์เดียวจะ … เป็นไปได้มากที่สุดที่จะส่งให้พื้นที่โออีซีดีโดยรวมหล่นลงสู่ภาวะถดถอย”

 

รายงานบอกว่า ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว การติดเชื้อในช่วงหลังๆ นี้ซึ่งแผ่ลามไปยังประเทศต่างๆ ที่เคยคิดกันว่ามีฐานะการเงินการคลังค่อนข้างแข็งแรงนั้น ก็อาจจะยกระดับขึ้นไปอย่างขนานใหญ่จนกลายเป็นการแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทางเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้โออีซีดีเสนอว่า ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ควรที่จะเข้าไปแทรกแซงรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลของชาติยูโรโซนที่กำลังราคาทรุดฮวบ โดยต้องซื้อเป็นปริมาณมหาศาลเพื่อดึงให้อัตราดอกเบี้ยที่ชาติเหล่านี้ต้องแบกรับอยู่ ขยับลดต่ำลงมา

 

รายงานเตือนด้วยว่า จะมีแรงกดดันอย่างหนักหน่วงให้บางประเทศยูโรโซนต้องยกเลิกการใช้สกุลเงินยูโร แต่หากมีชาติที่ต้องออกไปจริงๆ โออีซีดีมองว่า จะทำให้วิกฤตยิ่งขยายใหญ่โต และจุดชนวนให้เกิด “ความเสียหายในด้านความมั่งคั่งอย่างมหาศาล, เกิดการล้มะลาย และการล่มสลายในความเชื่อมั่นต่อการบูรณาการของยุโรป”

 

การที่มีประเทศหนึ่งหรือกระทั่งหลายๆ ประเทศต้องออกจากยูโรโซน “มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะส่งผลทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างร้ายแรงในประเทศเขตยูโร ทั้งในส่วนที่ต้องออกไป และส่วนที่ยังคงอยู่ ตลอดจนในเศรษฐกิจโลกอีกด้วย” โออีซีดีระบุ

 

รายงานเสนอแนะว่า การที่จะควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะของยูโรโซนได้อย่างน่าเชื่อถือนั้น จำเป็นที่จะต้องเพิ่มกองทุนช่วยเหลือไม่ให้ล้มละลายของยูโรโซน รวมทั้งจะต้อง “ใช้งบดุลบัญชีของอีซีบีให้มากมายกว่านี้ด้วย”

 

ในรายงานฉบับนี้ โออีซีดีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนจะเติบโตในอัตรา 1.6% ในปีนี้ แต่จะเหลือแค่ 0.2% ในปีหน้า แม้กระทั่งเมื่อประเเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรเหล่านี้ ประสบความสำคัญในการฝ่าข้ามวิกฤตไปได้ก็ตามที

 

สำหรับในสหรัฐฯ โออีซีดีเตือนว่าการใช้นโยบายการคลังที่ตึงตัวเกินไปจะส่งให้เศรษฐกิจอเมริกาเข้าสู่ภาวะชะงักงัน โดยที่ถ้าหากมีการตัดลดงบประมาณอย่างอัตโนมัติจริงๆ ตามที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองทำความตกลงกันไว้ในเดือนสิงหาคม ตลอดจนมาตรการด้านการลดภาษีก็ถูกปล่อยให้หมดอายุไปแล้ว อัตราเติบโตของสหรัฐฯจะหล่นลงเหลือ 0.3% ในปีหน้า จากระดับ 1.7% ในปีนี้

 

แต่ถ้าหากมีการผ่อนปรนนโยบายการคลังกันพอประมาณ ขณะที่สามารถตกลงจัดทำแผนการระยะกลางอันน่าเชื่อถือเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลและภาระหนี้สิน รายงานฉบับนี้มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถขยับเติบโตเป็น 2.0% ในปีหน้า และ 2.5%ในปี 2013

 

ในส่วนของญี่ปุ่น โออีซีบีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจน่าจะหดตัวลงมาเหลือ 0.3% ในปีนี้ สืบเนื่องจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ก่อนจะกระเตื้องขึ้นไปเป็น 2.0% ในปี 2012

 

รายงานให้ประมาณการการเติบโตของชาติสมาชิกโออีซีดีโดยรวมว่าจะอยู่ในอัตรา 1.9% ในปีนี้ และ 1.6% ในปีหน้า

 

ทางด้านจีนที่เป็นยักษ์ใหญ่ของเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ รายงานนี้พยากรณ์ว่า เศรษฐกิจจะชะลอลงสู่ระดับ 9.3% ในปีนี้ จากที่เคยทำได้ถึง 10.4% ในปีที่แล้ว นอกจากนั้นในปีหน้า เศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ซึ่งทำให้การค้าโลกพลอยสาหัสไปด้วยนั้น จะทำให้แดนมังกรที่ยังต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก มีอัตราเติบโตเหลือเพียง 8.5% ในปีหน้า ก่อนจะไต่ขึ้นสู่ระดับ 9.5% ในปี 2013

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยปราการอ่อน เสี่ยงสุดในเอเชีย รับมือวิฤตโลกไม่ไหว

24 พฤศจิกายน 2554 เวลา 06:48 น. | เปิดอ่าน 1,687 | ความคิดเห็น 5

ต้องยอมรับว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจากซีกโลกตะวันตกอย่างสหรัฐและยุโรป

 

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

ต้องยอมรับว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจากซีกโลกตะวันตกอย่างสหรัฐและยุโรป ทำเอาโลกทั้งใบต้องปั่นป่วนตลอดทั้งปี 2554 นี้

 

เพราะเวลาอีกเพียงเดือนเศษที่จะถึงเทศกาลลาทีปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สถานการณ์เศรษฐกิจของ 2 ทวีป ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

 

หนี้สาธารณะในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ยังคงไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจน นอกจากการหารือถึงมาตรการรัดเข็มขัด สลับกับการสับเปลี่ยนผู้นำบริหารประเทศ ขณะที่ฟากสหรัฐก็ไม่น้อยหน้า จำนวนหนี้สาธารณะของประเทศพุ่งสูงถึง 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 100% ของจีดีพี ท่ามกลางข่าวความขัดแย้งทางการเมืองของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือ เดโมแครต และรีพับลิกัน จนทำให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มไม่เชื่อมั่นว่าสหรัฐจะมีความสามารถพอที่จะแก้ปมปัญหานี้

 

หนำซ้ำสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยังส่งผลลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคที่น่าจะสดใสอย่างเอเชีย เห็นได้จากบางประเทศในแถบนี้ เช่น สิงคโปร์ จีน และเกาหลีใต้ ที่ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2555 กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม อะไรก็ไม่แย่เท่ากับรายงานจากฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกที่ออกมาระบุว่า ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียบางประเทศอยู่ในสถานะเสี่ยงกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน

 

หรือพูดให้ง่ายเข้าก็คือ มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเจอฤทธิ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกจนทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศพังไม่เป็นท่า

 

และหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยติดโผในอันดับท็อปทรีเข้าไปด้วย

ทั้งนี้ ฟิทช์ ชี้ว่าความเสี่ยงที่ประเทศหนึ่งๆ จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ สามารถพินิจพิเคราะห์ได้จากระดับการเปิดกว้างทางการค้า และการนำอัตราการเติบโตในปี 2552 มาเทียบกับอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อนำตัวเลขดังกล่าวของแต่ละประเทศมาคำนวณพบว่า มาเลเซีย มองโกเลีย และไทย มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับแรงช็อกจนกระทบต่อการเติบโตของประเทศ เพราะเป็นประเทศที่มีการเปิดกว้างทางการค้ามากที่สุด

 

คำเตือนดังกล่าวนับได้ว่าเป็นข่าวร้ายต่อเนื่องสำหรับไทยที่เพิ่งจะประสบพบเจอกับเหตุอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ที่สร้างความเสียหายกระทบเป็นวงกว้าง ถึงขั้นที่ลากเอาผู้ประกอบการและนักลงทุนชาวต่างชาติให้มาสำลักน้ำร่วมกับคนไทย

 

ขณะนี้บริษัทห้างร้าน หรือแม้กระทั่งนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างออกมาทยอยเปิดเผยตัวเลขความเสียหายกันทั่วหน้า โดยที่เจ็บตัวได้หนักที่สุดและดังที่สุดคงหนีไม่พ้นอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ที่ประเทศไทยถือเป็นศูนย์ใหญ่ เพราะมีสัดส่วนสูงถึง 40% ของการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ทั่วโลก จนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหลายราย เช่น เอเซอร์ หรือเอชพี ต่างก็ออกมาประกาศว่าราคาคอมพิวเตอร์ต้องมีการปรับราคาให้แพงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ เหตุเพราะการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เนื่องจากโรงงานผลิตโดนน้ำท่วม

 

นอกจากนี้ ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญหน้ากับภาวะเสื่อมถอยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และไทย คือประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่จะอยู่ในสถานะเสี่ยงที่สุดที่จะได้รับผลกระทบจากความถดถอยทางเศรษฐกิจโลก ในบรรดาประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน

 

สาเหตุหลักๆ นอกจากเป็นเพราะการเปิดบ้านต้อนรับเศรษฐกิจโลกมากเกินไปจนไม่มีมาตรการมารองรับป้องกัน แล้วนโยบายทางการเงินที่จะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศตนเองก็มีข้อจำกัดในการใช้

ฟิลิป แมคนิโคลาส นักวิเคราะห์ของฟิทช์ ระบุว่า ข้อจำกัดที่จะทำให้ไม่สามารถนำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ได้ก็คือ ปริมาณหนี้สาธารณะที่มีสัดส่วนสูงมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

 

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญก็คือ การกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายภายในประเทศ ไม่ว่าจะด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย เพิ่มค่าจ้าง หรือให้สิทธิพิเศษต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นวิธีการใด ก็หนีไม่พ้นเป็นการสร้างหนี้ให้กับผู้บริโภค ขณะที่ในสถานการณ์เดียวกันทำให้ภาคธนาคารต้องมีความระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีสินทรัพย์ที่เป็นหนี้เสียเกินจำเป็น

 

ดังนั้น เมื่อหนี้สาธารณะภายในประเทศมีจำนวนที่สูงอยู่แล้ว วิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจึงไม่ควรนำมาใช้ หรือถ้าฝืนนำมาใช้ก็ไม่วายกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่จะเดินผิดพลาดซ้ำรอยกับยุโรปและสหรัฐ จนอาจมีจุดจบคล้ายคลึงกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวมแล้ว ต้องยอมรับว่าภูมิภาคเอเชียยังอยู่ในขั้นที่เรียกว่า “เอาอยู่”

 

เพราะบรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายสำนัก รวมทั้งฟิทช์ เรทติ้งส์ ต่างออกมายอมรับว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเลวร้ายแค่ไหน แต่เอเชียจะยังคงยืนหยัดท้าทาย และสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง

 

สาเหตุหลักเป็นเพราะประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียมีการค้าที่แข็งแกร่ง ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เหมาะสม และนโยบายเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น โดยเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตเมื่อปี 2552 หลายประเทศในเอเชียมีภูมิคุ้มกันพอที่จะป้องกันตนเองจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจในคราวนี้

 

ทั้งนี้ เมื่อเทียบสถิติตัวเลขออกมาแล้ว ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตในฟากยุโรปและสหรัฐน้อยที่สุดก็คือ อินโดนีเซีย เนื่องจากมีจำนวนหนี้สาธารณะไม่มาก จนทำให้มีทางเลือกในการนำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้ได้อย่างเหมาะสม

 

ขณะที่ในภาพรวมแล้ว ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศต่างๆ ในเอเชียยังถือได้ว่าอยู่ในขั้นพอดี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าเอเชียมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรับมือกับแรงกระแทกจากวิกฤตเศรษฐกิจในงวดนี้ ยกเว้นศรีลังกาและอินเดียเท่านั้น ที่สภาพเศรษฐกิจของประเทศไม่มีเสถียรภาพที่แข็งแรงพอที่จะรองรับวิกฤตในครั้งนี้ได้ และกำลังปวดหัวอย่างหนักกับการพึ่งพาเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) มากจนเกินไป

เรียกได้ว่าแถลงการณ์ของฟิทช์ที่ออกมาในคราวนี้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับหลายๆ ประเทศในเอเชียให้พอหายใจโล่งได้เปลาะหนึ่ง และมีความมั่นใจที่จะเตรียมตัวรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกให้มากขึ้น

 

สำหรับประเทศไทยก็ยังคงต้องนับว่าเป็นข่าวดีอยู่ อย่างน้อยก็ในแง่ที่ว่าเป็นการกระทุ้งให้ผู้นำประเทศรู้ตัวและตื่นตัวเสียทีว่า อะไรควรทำ และอะไรไม่ควรทำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'มูดี้ส์'จ่อหั่นเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคาร 87 แห่ง ใน 15 ประเทศยุโรป

 

 

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา 10:02:05 น.

ผู้เข้าชม : 201 คน

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่าง ประเทศ เปิดเผยว่า มูดี้ส์อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ของธนาคาร 87 แห่งในประเทศยุโรป 15 ประเทศ เนื่องจากกังวลว่ารัฐบาล อาจประสบภาวะขาดแคลนสภาพคล่องจนไม่สามารถเข้าช่วยเหลือผู้ถือครอง ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงของธนาคารได้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียด

 

โดยธนาคารส่วนใหญ่ที่ถูกพิจารณาทบทวนอันดับความน่า เชื่อถือในครั้งนี้อยู่ในสเปน, อิตาลี, ออสเตรีย และฝรั่งเศส ทั้งนี้ ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือ ในครั้งนี้ได้แก่ ออสเตรีย (ธนาคาร 9 แห่ง), เบลเยียม (3), ไซปรัส (2), ฟินแลนด์ (3), ฝรั่งเศส (7), อิตาลี (17), ลักเซมเบิร์ก (3), เนเธอร์แลนด์ (6), นอรเวย์ (5), โปแลนด์ (1), โปรตุเกส (2), สโลเวเนีย (2), สเปน (21), สวีเดน (4) และสวิตเซอร์แลนด์ (2)

 

การทบทวนดังกล่าวอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับความ น่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลง 2 ขั้นโดยเฉลี่ย และการปรับลดอันดับความน่า เชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิชั้นรองและชั้นที่ 3 ลง 1 ขั้น

 

ทั้งนี้ ผู้ถือครองหุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสิทธิได้รับการชำระคืนหนี้จากธนาคาร เป็นอันดับรองจากผู้ถือครองหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ดังนั้นหุ้นกู้ด้อยสิทธิจึงมีฐานะเป็น ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง

 

นอกจากนี้มูดี้ส์เตือนว่า ความเสี่ยงต่ออันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ อาจลุกลามออกไปยังประเทศนอกสหภาพยุโรป (อียู) ด้วย

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กาลครั้งหนึ่ง ณ ประเทศสารขัณฑ์ (ขอย้ำว่าไม่ใช่ประเทศไทยและไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีการปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม โดยเด็ดขาด) อธิบดีไร้ฝุ่นคนหนึ่งซึ่งปลุกปั้นโครงการถนนสะอาดผลักดันจนเหล่าเสนาบดีและนักการเมืองยอมให้โครงการผ่านสำเร็จ จนโครงการเดินหน้าไปแล้วแต่ยังไม่ได้เงินที่แบ่งผลประโยชน์ตามที่ตกลงกัน จึงเดินทางไปทวงปลัดทบวงหนึ่งในเมืองสารขัณฑ์ ท่านปลัดบอกว่า “ผู้ใหญ่”เอาไปหมดแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร วันดีคืนดีอธิบดีไร้ฝุ่นใจกล้าเดินหน้าไปพบ “ผู้ใหญ่” ซึ่ง “ผู้ใหญ่”บอกว่าตัวเองได้เงินสัดส่วนเท่าไหร่ ความจึงได้แตก อธิบดีไร้ฝุ่นแค้นใจคิดจะหาทางในการทวงเอาคืนจากปลัดได้สักวันหนึ่ง

 

แต่ช่างประจวบเหมาะในความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่าง “อดีตหน้าห้องท่านปลัดทบวง” ชื่อ “ตุ๋ง” (นามสมมุติ)ซึ่งได้ดิบได้ดียกฐานะเป็น “คุณนาย”ไปแล้ว กับ “หน้าห้องปัจจุบันของท่านปลัด” ชื่อ “ติ๋ง” (นามสมมุติ) เดิมที “ตุ๋ง” กับ “ติ๋ง” เดิมเป็นเพื่อนสนิทกันดี ต่อมาขัดแย้งกันเพราะความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน “ติ๋ง” จึงถูกเนรเทศไปอยู่หน้าห้องคนอื่น แต่ก็ยังถูกตามราวีอีกเป็นที่ชอกช้ำระกำใจอย่างยิ่ง

 

ในที่สุด “ติ๋ง” ก็ได้มาเจอและปรับทุกข์กับ “อธิบดีไร้ฝุ่น” ซึ่งต่างก็อกหักมาทั้งคู่ ฝ่ายติ๋งรู้ที่ซ่อนเงินของปลัดเพราะใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกับปลัดไม่แพ้ “ตุ๋ง” ฝ่ายอธิบดีไร้ฝุ่นแค้นใจต้องการทวงเงินคืน จึงเกิดการปล้นเงินบ้านท่านปลัดขึ้นโดยการจ้างวานมือปล้นเป็นมาเฟียสีเขียวได้เงินมาแล้วแล้วแบ่งกัน โดยฝ่ายอธิบดีไร้ฝุ่นเอาไปครึ่งหนึ่ง (ตามจำนวนที่เงินที่เชื่อว่าท่านปลัดอมไป) ส่วนที่เหลือก็แบ่งกันไปตามผลงาน”

 

และขอย้ำอีกทีว่านิทานเรื่องดังกล่าวข้างต้นไม่มีทางจะเกิดขึ้นกับกรณีของ สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมของประเทศไทยโดยเด็ดขาด !!!

http://www.manager.c...D=9540000151894

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

555 รู้แล้วทำไมท่านถึงเจอวิบากกรรมขนาดนี้ ดูที่นามสกุลท่านซิ

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย

เชลซี 0-2 ลิเวอร์พูล

คาร์ดิฟฟ์ ซิตี 2-0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

อาร์เซนอล 0-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี

 

ถูกแก้ไข โดย henry

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขออนุญาต คุณเสม นำระบบมาแชร์กับเพื่อน ๆ นักลงทุนครับ

 

GC : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 1683.00)

 

SET : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 967.18)

 

S50 : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 667.40)

 

AFET : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 105.05)

 

TC : แดง

 

ช่วงนี้ข้อมูลอัพเดทไม่ต่อเนื่อง รบกวนเพื่อน ๆ ช่วยตรวจสอบด้วยนะครับว่าตรงกันหรือไม่ ขอบคุณครับ

ถูกแก้ไข โดย henry

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

S&P downgrades Goldman, BoA and Citi

Bloomberg News Nov 29, 2011 – 4:52 PM ET | Last Updated: Nov 29, 2011 5:24 PM ET

 

 

Chris Hondros/Getty Images

.Comments Email Twitter inShare.3.By Dakin Campbell and Hugh Son

 

Bank of America Corp., Goldman Sachs Group Inc. and Citigroup Inc. had long-term credit grades reduced to A- from A by Standard & Poor’s after the ratings firm revised criteria for dozens of the largest global lenders.

 

Standard & Poor’s made the same cut to Morgan Stanley and Bank of America’s Merrill Lynch unit. JPMorgan Chase & Co. was reduced one level to A from A+. S&P upgraded Bank of China Ltd. and China Construction Bank Corp. to A from A- and maintained the A rating on Industrial and Commercial Bank of China Ltd., giving all three lenders higher grades than most big U.S. banks.

 

The moves may increase pressure on firms bracing for Europe’s mounting sovereign debt crisis and navigating economic weakness. Bank of America, which has plunged 62 percent this year in New York trading, said in a regulatory filing this month that it may have to post billions of dollars of additional collateral and termination payments on its trades if it were to be downgraded one level by rating companies.

 

 

“It’s evident that stress from the European banking system is taking its worldwide toll,” Guy LeBas, chief fixed-income strategist at Janney Montgomery Scott LLC in Philadelphia, said in an e-mail.

 

S&P, a unit of New York-based McGraw-Hill Cos., has been changing the way it looks at debt after its faulty grades contributed to the credit-market seizure that brought down Lehman Brothers Holdings Inc. and Bear Stearns Cos. It started to review the methodology in December 2008, months after the collapse of those two firms.

 

Downgrades “could likely have a material adverse effect on our liquidity, potential loss of access to credit markets, the related cost of funds, our businesses and on certain trading revenues, particularly in those businesses where counterparty creditworthiness is critical,” Charlotte, North Carolina-based Bank of America said in this month’s filing.

 

The company, which noted the risk of downgrades from S&P and Fitch Ratings in its third-quarter filing, previously said it has prepared by lining up funding for a year.

 

The following table shows firms that were downgraded by S&P, followed by a list of banks that were upgraded.

 

Downgraded:

 

•Banco Bilbao Vizcaya Argentaria S.A.

 

•Bank of America Corp.

 

•Bank of New York Mellon Corp.

 

•Barclays Plc

 

•Citigroup Inc.

 

•Rabobank Nederland

 

•Goldman Sachs Group Inc.

 

•HSBC Holdings Plc

 

•JPMorgan Chase & Co.

 

•Lloyds Banking Group Plc

 

•Morgan Stanley

 

•Royal Bank of Scotland Plc

 

•UBS AG

 

•Wells Fargo & Co.

 

Upgraded:

 

•Bank of China Ltd.

 

•China Construction Bank Corp.

 

Bloomberg News

 

.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นสหรัฐฯพุ่งหลังธ.กลางหลายชาติจับมือแก้วิกฤต-น้ำมันทรงตัว blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 05:34 น.

Share

blank.gif blank.gif 554000016181001.JPEG blank.gif เอเจนซี/เอเอฟพี - ตลาดหุ้นสหรัฐฯทะยานขึ้นกว่าร้อยละ 4 เมื่อวันพุธ(30) หลังธนาคารกลางชาติสำคัญๆของโลกพร้อมใจดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าระบบการเงินโลกจะสามารถรับมือวิกฤติหนี้ได้ อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่ปิดในกรอบแคบๆเท่านั้น เหตุนักลงทุนชั่งใจว่ามาตรการดังกล่าวจะก่อผลดั่งที่คาดหวังหรือไม่

 

ธนาคารกลางของยูโรโซน แคนาดา อังกฤษ ญี่ปุ่น สหรัฐฯและสวิตเซอร์แลนด์ ระบุในถ้อยแถลงร่วมว่าจะร่วมมือกันทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เพื่อช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินที่ขาดสภาพคล่องสามารถเข้าถึงเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในความพยายามช่วยเหลือธนาคารในยุโรปที่ได้รับผลกระทบต่อจากวิกฤติหนี้

 

ความเคลื่อนไหวนี้เองส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 490.05 จุด (4.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,045.68 แนสแดค เพิ่มขึ้น 104.83 จุด (4.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,620.34 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 51.77 จุด (4.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,246.96

 

อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวกลับไม่สามารถจุดประกายแก่ตลาดพลังงานได้ และราคาน้ำมันวานนี้(30) ปิดในกรอบแคบๆ ขณะที่ข้อมูลทางพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯก็เผยให้เห็นว่าสต๊อกเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันอ่อนแอในชาติผู้บริโภคอันดับ 1 ของโลก

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ ปิดที่ 100.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 30 เซนต์ ปิดที่ 110.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

เมื่อวันพุธ(30) ข้อมูลของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นถึง 3.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันกลั่นอันประกอบด้วยน้ำมันทำความร้อนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอทั้งที่อเมริกากำลังเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขออนุญาต คุณเสม นำระบบมาแชร์กับเพื่อน ๆ นักลงทุนครับ

 

GC : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 1683.00)

 

SET : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 967.18)

 

S50 : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 667.40)

 

AFET : เขียวแรก เมื่อวันที่ 28 (SL 105.05)

 

TC : แดง

 

ช่วงนี้ข้อมูลอัพเดทไม่ต่อเนื่อง รบกวนเพื่อน ๆ ช่วยตรวจสอบด้วยนะครับว่าตรงกันหรือไม่ ขอบคุณครับ

 

เรียนถามคุณ Henry ครับ ไม่ทราบระบบที่ให้เป็น Pnt 1.1 หรือเปล่าครับ เพราะของผมกรอกข้อมูลเองมันยังไม่เขียวนะครับ เลยไม่แน่ใจว่าผมกรอกขอมูลผิดหรือเปล่า ครับ อบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครต้องการซื้อเหรียญ UNDPที่ราคา1800บาทบ้าง ติดต่อหลังไมค์ครับ คือช่วงที่ผมซื้อเหรียญUNDP เพื่อนผมเข้าซื้อด้วยจำนวนเยอะ ช่วงนี้เขามีรายได้น้อยไปเยอะและต้องซ่อมบ้านเนื่องจากน้ำท่วม เขาจะขายเหรียญผมเลยบอกเขาว่าเพื่อนในเวปน่าจะสนใจหลายคน จะลองถามให้ ใครสนใจติดต่อหลังไมค์ครับ

 

---ข้อมูลเหรียญUNDP(เหรียญที่พวกเราลงขันมอบให้น้องเสมวันสัมมนา)

-ราคาหน้าเหรียญ900 บาท กรมธนารักษ์จำหน่าย1500บาท(แต่ของน่าจะหมดแล้ว เคยหยุดการจำหน่าย ลองสอบถามทางกรมก็ได้ครับว่ายังมีจำหน่ายมั้ย 02-2824109 02-2811295

 

-เงินบริสุทธิ์ 99.9% หนัก31.1กรัม เป็นเหรียญขัดเงา จำนวนผลิต250,000เหรียญ ผลิตที่โรงกษาปณ์ในประเทศออสเตรเลีย(แหล่งผลิตเป็นข้อมูลที่เคยดูจากข้อมูลที่เพื่อนนำมาโพสในเวปนี้ครับ)

http://ecatalog.treasury.go.th/coininfo/detail.php?id=938&gid=190&inputMinPrice=1000&inputMaxPrice=2000&inputSearch=

 

ภาพตัวอย่างเหรียญ

http://ecatalog.treasury.go.th/ecatalog/zoom.php?CoinID=938&Page=Front

http://ecatalog.treasury.go.th/ecatalog/zoom.php?CoinID=938&Page=Back

 

---ลองเปรียบเทียบราคากับเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

 

 

เหรียญกษาปณ์เงินขัดเงา ชนิดราคา 800 บาท ราคาจำหน่าย 1,600 บาท น้ำหนักเหรียญ22กรัม เงิน92.5%

http://ecatalog.treasury.go.th/coininfo/detail.php?id=1074&gid=262&inputMinPrice=1000&inputMaxPrice=2000&inputSearch=

 

 

 

---เป็นเหรียญแท้ครับ เพื่อนผมซื้อจากกรมธนารักษ์ครับ

 

 

-------------ที่โพสเพราะคิดว่าน่าจะมีหลายคนสนใจเหรียญ หลายคนอยากได้เหรียญไว้เป็นที่ระลึก----

 

****ใครมีเหรียญเงินรุ่นอื่นอยากแลกกับเหรียญUNDP ติดต่อผมได้นะ เหรียญUNDPส่วนของผม ผมไม่ขายแต่ถ้าเเลกเหรียญสนใจครับ)

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
เรียนถามคุณ Henry ครับ ไม่ทราบระบบที่ให้เป็น Pnt 1.1 หรือเปล่าครับ เพราะของผมกรอกข้อมูลเองมันยังไม่เขียวนะครับ เลยไม่แน่ใจว่าผมกรอกขอมูลผิดหรือเปล่า ครับ อบคุณครับ

 

ตอบ k.hipp

 

เป็น pnt 1.1 ครับ ที่ผม edit data เองช่วงนี้มีแค่ GC ครับ สินค้าอื่น ๆ ใน USFU ไม่ได้ edit ครับ

 

ข้อมูลที่นำมา edit โหลดมาจาก link นี้นะครับ http://www.livecharts.co.uk/futures_commodities/nyse_gold_prices_historical.php

 

ผมลองเช็คย้อนหลังเทียบกับข้อมูลที่โหลดจาก CDC แล้ว ต่างกันเล็กน้อย

 

แต่ที่เลือกใช้ข้อมูลจาก link นี้ เพราะเห็นข้อมูลได้ชัดเจนดีไม่ซับซ้อนครับ

 

ลองดูนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...