ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

QE ของไทย

-------------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้าสนองประชานิยมปั้มเงินจนคลังถังแตก

28 มิถุนายน 2554 เวลา 08:04 น. | เปิดอ่าน 395 | ความคิดเห็น 6

ไม่ว่าผลการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. 2554 นี้ พรรคการเมืองไหนจะคว้าชัยเข้าโค้งมาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ก็ตาม

 

โดย...ทีมข่าวการเงิน

 

ภาระหนักอึ้งที่จะตามมาเป็นเงาตามตัว คือ การหาเงินจำนวนมหาศาลมาทำนโยบายต่างๆ นานา ที่แต่ละพรรคการเมืองได้สัญญาให้ความหวังไว้กับประชาชนเป็นน้ำท่วมทุ่งจำนวนมาก

 

แน่นอนว่าหน่วยงานหลักที่จะต้องรับหน้าเสื่อเป็นด้านแรกในการจัดหาเม็ดเงินหนีไม่พ้น กระทรวงการคลัง ที่เสมือนเป็นหลงจู๊ หรือผู้กุมเม็ดเงินของประเทศ

 

ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่ากระทรวงการคลังมีการดีดลูกคิดรอต้อนรับรัฐบาลใหม่แล้ว ไม่ว่าใครเข้ามาก็ต้องเข้ามารื้อกรอบงบประมาณปี 2555 ใหม่แน่นอน เพราะประเมินว่า แต่ละพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากที่ตั้งไว้จำนวนมหาศาล

 

กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ที่ตั้งไว้เดิมแค่ 2.25 ล้านล้านบาท แยกเป็นงบประมาณแบบขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท นั้นคงใช้ไม่ได้แล้ว

 

เพราะรายได้ที่คาดว่าจะเก็บได้มีเพียงแค่ 1.9 ล้านล้านบาท และงบประมาณส่วนใหญ่ก็เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำไปถึง 70% เป็นงบลงทุนแค่ 20% และเป็นงบชำระหนี้ถึง 10%

 

 

 

วงเงินที่ขีดเว้นไว้ดังกล่าวไม่พอยาไส้รัฐบาลใหม่แน่

 

ล่าสุด วงในของกระทรวงคลัง คาดว่า รายได้ที่จะเก็บได้จริงในปีงบประมาณ 2555 จะมากกว่า 2.18 ล้านล้านบาท เมื่อคิดจากฐานที่เก็บรายได้ในปัจจุบันของปีงบประมาณ 2554 ว่าจะเกินเป้าไป 15-16% จึงมั่นใจว่างบประมาณปี 2555 จะเก็บรายได้เกินกว่าเป้าไม่น้อยกว่า 15% เช่นเดียวกัน

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น เท่ากับว่ารัฐบาลมีเงินจับจ่ายเพิ่มได้มากขึ้นอีกกว่า 3 แสนล้านบาท หากยึดตามกรอบงบประมาณเดิมที่ทำไว้

 

อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นนี้ก็ถือว่ามากในภาวะปกติ

 

แต่ในภาวะรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่ต่างมีนโยบายลดแลกแจกแถมกันสนั่นเมือง ทำให้เงินที่เพิ่มขึ้นแค่ 3 แสนล้านบาท ดูจะเป็นเงินน้อยนิด เมื่อเทียบกับนโยบายที่พรรคการเมืองประกาศว่าจะทำ

 

ดังนั้น บิ๊กของกระทรวงการคลัง จึงได้เตรียมช่องหน้าต่างผ่านทางการกู้เงินให้รัฐบาลใหม่ ได้ใช้เงินเพิ่มให้ชื่นสะดือจุ่น

 

เป็นการดีดลูกคิดรางแก้วเพื่อสนองตอบฝ่ายการเมืองชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู

 

โดยนำภาระหนี้สาธารณะของประเทศในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 4.24 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.03% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มาเป็นฐานการเหยียบบ่าขึ้นไป เพราะหากรัฐบาลต้องการกู้จนเต็มเพดานของกรอบความยั่งยืนทางการคลัง 60% ของจีดีพี ก็เท่ากับว่ารัฐบาลสามารถกู้เงินมาใช้ได้อีกไม่น้อยกว่า 1.8 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีเงินคงคลังให้ใช้ได้อีกไม่น้อยกว่า 1.5 แสนล้านบาท

 

หากเหมาเข่ง ทั้งรายได้ที่คาดว่าจะเก็บได้ ยอดเงินที่รัฐจะกู้ได้ และยอดเงินคงคลังที่รัฐบาลใหม่สามารถนำมาเป็นกระสุนได้

 

เท่ากับว่ารัฐบาลใหม่จะมีเงินใช้ในปีงบประมาณปี 2555 ถึง 4 ล้านล้านบาท

 

มากกว่ากรอบงบประมาณเดิมที่ทำไว้เกือบ 2 เท่าตัว

 

การออกมาเปิดเผยตัวเลขการปั๊มเงินของกระทรวงการคลังให้กับพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ

 

ด้านหนึ่งอาจมองได้ว่า ผู้บริหารกระทรวงการคลังกำลังสนองนโยบายพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลแบบฮิตาชิ เข้ามาปุ๊บสนองได้ปั๊บ ชนิดว่ามีเงินทุนประเทศก้อนโตที่พร้อมปล่อยให้นักการเมืองใช้เงินกันแบบมือเติบ โดยไม่ระคายผิวประเทศ

 

แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นไปได้ว่า กระทรวงการคลังเปิดหน้า วัดใจฝ่ายการเมือง ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่า เงินของประเทศที่หามากองรวมกันได้ในขณะนี้มีอยู่เพียงแค่ 4 ล้านล้านบาทเท่านั้น ก็ชนเพดานทุกอย่าง

 

ฝ่ายการเมืองจะใช้จ่ายกันอย่างไรก็เชิญ ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชประจำเพียงแค่สนองนโยบาย

 

หากใช้จ่ายดีก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศและคนส่วนรวม พรรคการเมืองก็ได้รับคะแนนไป

 

แต่หากใช้จ่ายงบประมาณแล้วพาประเทศล่มจมจนอาจล้มละลาย พรรคการเมืองก็รับความผิดไปเต็มๆ เช่นกันนโยบายของพรรคการเมืองที่น่ากลัวและมีความเสี่ยงต่อฐานะการเงินคลังของประเทศมากที่สุด ก็ต้องยกให้ต้นตำรับขนานแท้ประชานิยม ของพรรคเพื่อไทย (พท.) เพราะนโยบายของ พท. ยาวเป็นหางว่าว ใช้เงินรวมกันไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท

 

เริ่มตั้งแต่นโยบายของ พท. ที่สำคัญอันดับแรกๆ ที่จะดำเนินการ คือ การรับจำนำข้าวทุกเม็ดซึ่งต้องใช้เงินมากถึง 4.7 แสนล้านบาท เพิ่มเงินเดือนคนจบปริญญาตรี 5.5 แสนล้านบาท ลดภาษีนิติบุคคล 1.5 แสนล้านบาท รวมกันก็เป็นเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการแจกแท็บเล็ตแก่เด็กนักเรียน โครงการแลนด์บริดจ์ เพิ่มกองทุนหมู่บ้าน เครดิตการ์ดเกษตรกร คืนภาษีรถคันแรก พักหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อราย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สร้างชลประทาน 25 ลุ่มแม่น้ำ ต้องใช้เงินรวมกันอีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท

 

หาก พท. จะทำโครงการทั้งหมดหมายความว่า ต้องตั้งงบประมาณปี 2555 เพิ่มขึ้นจากเดิม 2.25 ล้านบาท เป็นกว่า 4 ล้านล้านบาท

 

เมื่อนำไปเทียบกับเงินที่ประเทศมีอยู่ตามที่กระทรวงจัดทำออกมากางให้เห็น เท่ากับว่า พท. ต้องใช้เงินที่ประเทศมีอยู่ทุกบาททุกสตางค์ ใช้ทำนโยบายต่างๆ ที่หาเสียงกับประชาชนไว้ทั้งหมด ประเทศไทยก็กำลังเดินไปสู่กับดักแห่งวิกฤตและหายนะ เพราะฐานะการเงินการคลังของประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตอย่างยิ่ง

 

สำหรับนโยบายหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ พท. ก็มีความเสี่ยงกับฐานะการเงินการคลังรองลงมา โดยนโยบายหาเสียงสำคัญของ ปชป. ที่สำคัญ เช่น การปรับประกันรายได้ 8.5 หมื่นล้านบาท การขยายประกันสังคมกลุ่มนอกระบบ 1.5 หมื่นล้านบาท การลดหย่อนภาษีและเพิ่มค่าจ้าง 3 หมื่นล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านมั่นคง ปราบปรามยาเสพติด โครงการก่อตั้งเศรษฐกิจพิเศษ โครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทุกนโยบายของ ปชป. ใช้เงินมากถึง 2 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบที่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับงบประมาณมากเท่า พท.

 

ขณะที่นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีมูลค่าเพิ่มลง 2% การปลดหนี้กองทุนหมู่บ้าน เชื่อว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะถึงได้เป็นรัฐบาลก็ต้องเปิดทางให้พรรคใหญ่เดินหน้าก่อน

 

เมื่อเห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นของพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล การเปิดเผยข้อมูลที่มาของรายได้ ก็เป็นการหาแนวร่วมในการช่วยกันตรวจสอบการใช้เงินของว่าที่รัฐบาลใหม่

 

จะว่าไปแล้วการทำงบประมาณและการใช้เงินกู้ หรือการใช้เงินคงคลัง ก็มีกฎกติกามารยาทอยู่พอสมควร ไม่ได้หมายความว่า ชนะการเลือกตั้งมาแล้วจะใช้เงินตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะตามมา

 

เพราะการทำงบประมาณแบบขาดดุลตามหลักของงบประมาณก็สามารถกู้ได้แค่ 20% ของงบประมาณรายจ่าย รวมกับอีก 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีหลักของสากลว่าไม่ควรขาดดุลงบประมาณเกิน 5% ของจีดีพีกำกับอยู่ หากใครใช้เต็มมือก็สุ่มเสี่ยงในเรื่องการขาดดุลงบประมาณ

 

ในส่วนของการกู้เงิน นอกจากจะกู้ได้ตามการขาดดุลงบประมาณแล้ว ก็กู้ได้เพื่อการพัฒนาประเทศได้อีก 10% สามารถค้ำประกันเงินกู้ให้รัฐวิสาหกิจได้อีก 10%

 

ขณะที่การใช้เงินคงคลังแม้รัฐบาลทำได้ตามอัธยาศัยก็จริง แต่กฎหมายกำหนดว่า ต้องตั้งงบประมาณในปีถัดไปมาใช้ทันที

 

ทั้งหมดเป็นกลไกที่กระทรวงการคลังอาจต้องการกำลังจากภาคส่วนอื่นเข้ามาช่วยตรวจสอบต้านทานการใช้จ่ายของรัฐบาลใหม่ ที่มีโครงการประชานิยมต้องเร่งทำสารพัดโครงการ จำนวนเงินเป็นหลายล้านล้านบาท จึงมีการใช้กุศโลบายผ่านการเปิดเผยฐานะเงินของประเทศที่มีอยู่และกำลังจะถูกนักการเมืองนำไปใช้อย่างสุ่มเสี่ยง

 

เพราะลำพังข้าราชการกระทรวงการคลังเพียงฝ่ายเดียวคงต้านทานฝ่ายการเมืองไม่อยู่แน่

 

หากไม่มีแนวร่วมเข้ามาต้านทานร่วมกันตรวจสอบ กระทรวงการคลังก็คงต้องก้มหน้าก้มตาปั๊มเงินให้ฝ่ายการเมืองนำไปใช้โปรยนโยบายประชานิยมแจกประชาชนจนถังแตกได้ในไม่ช้า

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เห็นคุณส้มโอมือเข้ามาโพส์ตหลายวันแล้ว....ยังไม่ทันถามหาก็ กลับมาให้ข้อมูล ข่าวสารเหมือนเดิม...ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เห็นคุณส้มโอมือเข้ามาโพส์ตหลายวันแล้ว....ยังไม่ทันถามหาก็ กลับมาให้ข้อมูล ข่าวสารเหมือนเดิม...ขอบคุณค่ะ

แอบอู้งานครับ 555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ คุณส้มโอมือ ประชาชนเตรียมโดนรีดภาษีไปให้คนที่คอยแต่รับอย่างเดียว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เป็นข่าวที่เยี่ยมมากเลยครับ ขอบคุณครับคุณส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอาคำพูดของ David Stockman :: Former Office of Management and Budget director สมัยรัฐบานเรแกน มาฝากครับ

อ่านครั้งแรกละขำก๊ากเลย laugh.gif

 

 

“I invest in anything that Bernanke can’t destroy, including gold, canned beans, bottled water and flashlight batteries."

 

"ผมลงทุนในสิ่งที่ตาโป๊งเหน่งไม่สามารถทำลายได้ นั่นรวมถึงทองคำ, อาหารกระป๋อง, น้ำขวด, และถ่านไฟฉาย"

 

 

ขอบคุณข่าวจากคุณส้มโอมือครับ

ช่วงนี้เปิดหนังสือพิมพ์/ดูโทรทัศน์ เห็นโครงการประชานิยมจากทุกพรรค

ก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าจะเอาเงินจากที่ไหนมาจ่าย

 

นอกจากประเด็นใช้เงินเกินรายรับ และการให้รัฐบาลรับภาระหนี้ ตามโครงการประชานิยมต่างๆแล้ว

ยังมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงอีก ก็คือประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นน่ะขึ้นได้ง่ายๆ แต่ผลกระทบก็มี

มาก ตั้งแต่ประชาชนที่ได้รับค่าแรงเพิ่มขึ้น แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม (ต้นทุนเพิ่ม / เงินเฟ้อ) สรุปว่าขึ้นเฉพาะ

ตัวเลข แต่กำลังซื้อเท่าเดิม .... กับฐานการผลิตจากบริษัทต่างๆที่จะย้ายหนีออกจากไทย (ขนาดไม่มีการเพิ่ม

ค่าแรง เขาก็เริ่มย้ายหนี้แล้ว)

 

เรื่องการที่บริษัทข้ามชาติจะย้ายฐานการผลิต ไม่ได้พูดเพราะอยากให้เขาอยู่ในไทยนักหรอกนะครับ

แต่ถ้าผลกระทบคือประชาชนจะตกงานเพิ่มขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่านักการเมืองแต่ละท่านจะมีความสามารถในการสร้างงาน

เพิ่มขึ้นมาทดแทนหรือไม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

TUESDAY, JUNE 28, 2011

 

Roger Wiegand Gold and Silver will rally sharply after the Greece bailout is approved

Roger Wiegand is the Editor and Publisher of Trader Tracks a Stocks, Futures and Commodities electronic newsletter , : what we see is this Greek thing (bailout package) will be approved and rather quickly I think the end of this week or the first half of next week and ten what happens is the European currency the Euro is going to immediately rally and that will sell off the US Dollar , now when the US dollar is sold off a whole basket of commodities goes higher to the long side , the big buyers will com e back again when they see the dollar going weak again I am pretty sure that's going to happen I am persuaded that's going to be the big trade and as a result of that you gonna see Gold , silver Swiss franc Canadian dollar and the Euro all going up , the US dollar going down I think it will go below 75 says you gonna see just a reverse of what have transpired over the last four to six weeks says Roger Wiegand

 

http://goldbasics.blogspot.com/

 

http://www.youtube.com/watch?v=gugUJvJUlrI&feature=player_embedded

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครๆก็บอกว่าภาพหนึ่งภาพ แทนคำพูดได้นับพันคำ

 

ภาพประกอบล่าสุด จากเวบลุงจิม laugh.giflaugh.gif

 

post-2564-000008400 1309309804.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขออนุญาตช่วยสรุปความเห็นของ Roger Wiegand ให้นะครับ

  • แผนกู้วิกฤตกรีซ น่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างไม่มีปัญหา
  • สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามขึ้นมาคือเงินในสกุลต่างๆ(ยูโร สวิสฟรังค์ แคนาเดียน ดอลล่าร์) และ commodities ต่างๆที่รวมถึงทองคำด้วย จะแข็งค่า/ราคาแพงขึ้น(เมื่อเทียบกับดอลล่าร์) ทันที
  • Roger Wiegand เชื่อว่า USD Index จะลดลงมาต่ำกว่า 75 และ trend ทั้งหลายที่เห็นในช่วงสี่-หก อาทิตย์ที่ผ่านมา จะกลับด้านทันที

ถ้าที่นาย Wiegand ว่าเป็นจริง ใครที่รอของถูก ต้องดูให้ดีนะครับ เพราะเงินบาท อิงกับ ดอลล่าร์

  • ถ้าเงินบาท แข็งขึ้น(เป็น %) เท่ากับ ราคาทองที่เพิ่มขึ้น ราคาทองในไทยน่าจะทรงตัว
  • ถ้าเงินบาท แข็งขึ้น(เป็น %) น้อยกว่าราคาทองที่เพิ่มขึ้น ราคาทองในไทย น่าจะขึ้น
  • ถ้าเงินบาท แข็งขึ้น(เป็น %) มากกว่าราคาทองที่เพิ่มขึ้น ราคาทองในไทย น่าจะลงอีก

TUESDAY, JUNE 28, 2011

 

Roger Wiegand Gold and Silver will rally sharply after the Greece bailout is approved

Roger Wiegand is the Editor and Publisher of Trader Tracks a Stocks, Futures and Commodities electronic newsletter , : what we see is this Greek thing (bailout package) will be approved and rather quickly I think the end of this week or the first half of next week and ten what happens is the European currency the Euro is going to immediately rally and that will sell off the US Dollar , now when the US dollar is sold off a whole basket of commodities goes higher to the long side , the big buyers will com e back again when they see the dollar going weak again I am pretty sure that's going to happen I am persuaded that's going to be the big trade and as a result of that you gonna see Gold , silver Swiss franc Canadian dollar and the Euro all going up , the US dollar going down I think it will go below 75 says you gonna see just a reverse of what have transpired over the last four to six weeks says Roger Wiegand

 

......

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

<_< หลังจากหมด QE2 พันธบัตรรัฐบาลน่าจะขายได้น้อยลง USD index น่าจะลงจริง ๆ

 

ส่วนของไทยหลังเลือกตั้ง ต้องมีการพิมพ์เงิน กู้เงิน หรือนำทุนสำรองมาใช้สำหรับโครงการประชานิยม

 

ไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาล

 

ดังนั้นหุ้นก็คงขึ้นหลังตั้งรัฐบาลเสร็จ เงินบาทก็อาจจะอ่อน หรือทรง ๆ ดังนั้นทองก็น่าจะแพงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ

 

เพราะตามหลักถ้ารัฐบาลใช้เงินเท่ากับเิงินภาษี เงินจะเฟ้อ แต่ถ้ารัฐบาลใช้เงินมาก งบประมาณขาดดุลมาก

 

ก็ต้องกู้ เป็นหนี้เป็นสิน การเป็นหนี้ ก็คือ เท่าให้เงินเฟ้อน่านเอง

 

ยังสงสัยว่า ปีงบประมาณหน้ารัฐบาลอเมริกา จะเงินที่ไหนมาใช้ใน budget เพราะตั้งไว้ขาดดุล 1.7 T น่าจะต้องตัดเหลือสัก 1.2T

 

ก็คือต้องขายพันธบัตร ให้ได้เดือนละ 100ฺB ต่อให้ขยายเพดานหนี้ได้ก็ใช่ว่าจะมีเงินเข้ามาทันที

 

โอโบมา นี่ตัวผลาญเงินชั้นยอดจริง ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

QE ของไทย

-------------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้าสนองประชานิยมปั้มเงินจนคลังถังแตก

28 มิถุนายน 2554 เวลา 08:04 น. | เปิดอ่าน 395 | ความคิดเห็น 6

ไม่ว่าผลการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. 2554 นี้ พรรคการเมืองไหนจะคว้าชัยเข้าโค้งมาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ก็ตาม

 

โดย...ทีมข่าวการเงิน

 

ภาระหนักอึ้งที่จะตามมาเป็นเงาตามตัว คือ การหาเงินจำนวนมหาศาลมาทำนโยบายต่างๆ นานา ที่แต่ละพรรคการเมืองได้สัญญาให้ความหวังไว้กับประชาชนเป็นน้ำท่วมทุ่งจำนวนมาก

 

แน่นอนว่าหน่วยงานหลักที่จะต้องรับหน้าเสื่อเป็นด้านแรกในการจัดหาเม็ดเงินหนีไม่พ้น กระทรวงการคลัง ที่เสมือนเป็นหลงจู๊ หรือผู้กุมเม็ดเงินของประเทศ

 

ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่ากระทรวงการคลังมีการดีดลูกคิดรอต้อนรับรัฐบาลใหม่แล้ว ไม่ว่าใครเข้ามาก็ต้องเข้ามารื้อกรอบงบประมาณปี 2555 ใหม่แน่นอน เพราะประเมินว่า แต่ละพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากที่ตั้งไว้จำนวนมหาศาล

 

กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ที่ตั้งไว้เดิมแค่ 2.25 ล้านล้านบาท แยกเป็นงบประมาณแบบขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท นั้นคงใช้ไม่ได้แล้ว

 

เพราะรายได้ที่คาดว่าจะเก็บได้มีเพียงแค่ 1.9 ล้านล้านบาท และงบประมาณส่วนใหญ่ก็เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำไปถึง 70% เป็นงบลงทุนแค่ 20% และเป็นงบชำระหนี้ถึง 10%

 

 

 

วงเงินที่ขีดเว้นไว้ดังกล่าวไม่พอยาไส้รัฐบาลใหม่แน่

 

ล่าสุด วงในของกระทรวงคลัง คาดว่า รายได้ที่จะเก็บได้จริงในปีงบประมาณ 2555 จะมากกว่า 2.18 ล้านล้านบาท เมื่อคิดจากฐานที่เก็บรายได้ในปัจจุบันของปีงบประมาณ 2554 ว่าจะเกินเป้าไป 15-16% จึงมั่นใจว่างบประมาณปี 2555 จะเก็บรายได้เกินกว่าเป้าไม่น้อยกว่า 15% เช่นเดียวกัน

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น เท่ากับว่ารัฐบาลมีเงินจับจ่ายเพิ่มได้มากขึ้นอีกกว่า 3 แสนล้านบาท หากยึดตามกรอบงบประมาณเดิมที่ทำไว้

 

อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นนี้ก็ถือว่ามากในภาวะปกติ

 

แต่ในภาวะรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่ต่างมีนโยบายลดแลกแจกแถมกันสนั่นเมือง ทำให้เงินที่เพิ่มขึ้นแค่ 3 แสนล้านบาท ดูจะเป็นเงินน้อยนิด เมื่อเทียบกับนโยบายที่พรรคการเมืองประกาศว่าจะทำ

 

ดังนั้น บิ๊กของกระทรวงการคลัง จึงได้เตรียมช่องหน้าต่างผ่านทางการกู้เงินให้รัฐบาลใหม่ ได้ใช้เงินเพิ่มให้ชื่นสะดือจุ่น

 

เป็นการดีดลูกคิดรางแก้วเพื่อสนองตอบฝ่ายการเมืองชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู

 

โดยนำภาระหนี้สาธารณะของประเทศในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 4.24 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.03% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มาเป็นฐานการเหยียบบ่าขึ้นไป เพราะหากรัฐบาลต้องการกู้จนเต็มเพดานของกรอบความยั่งยืนทางการคลัง 60% ของจีดีพี ก็เท่ากับว่ารัฐบาลสามารถกู้เงินมาใช้ได้อีกไม่น้อยกว่า 1.8 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีเงินคงคลังให้ใช้ได้อีกไม่น้อยกว่า 1.5 แสนล้านบาท

 

หากเหมาเข่ง ทั้งรายได้ที่คาดว่าจะเก็บได้ ยอดเงินที่รัฐจะกู้ได้ และยอดเงินคงคลังที่รัฐบาลใหม่สามารถนำมาเป็นกระสุนได้

 

เท่ากับว่ารัฐบาลใหม่จะมีเงินใช้ในปีงบประมาณปี 2555 ถึง 4 ล้านล้านบาท

 

มากกว่ากรอบงบประมาณเดิมที่ทำไว้เกือบ 2 เท่าตัว

 

การออกมาเปิดเผยตัวเลขการปั๊มเงินของกระทรวงการคลังให้กับพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ

 

ด้านหนึ่งอาจมองได้ว่า ผู้บริหารกระทรวงการคลังกำลังสนองนโยบายพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลแบบฮิตาชิ เข้ามาปุ๊บสนองได้ปั๊บ ชนิดว่ามีเงินทุนประเทศก้อนโตที่พร้อมปล่อยให้นักการเมืองใช้เงินกันแบบมือเติบ โดยไม่ระคายผิวประเทศ

 

แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นไปได้ว่า กระทรวงการคลังเปิดหน้า วัดใจฝ่ายการเมือง ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่า เงินของประเทศที่หามากองรวมกันได้ในขณะนี้มีอยู่เพียงแค่ 4 ล้านล้านบาทเท่านั้น ก็ชนเพดานทุกอย่าง

 

ฝ่ายการเมืองจะใช้จ่ายกันอย่างไรก็เชิญ ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชประจำเพียงแค่สนองนโยบาย

 

หากใช้จ่ายดีก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศและคนส่วนรวม พรรคการเมืองก็ได้รับคะแนนไป

 

แต่หากใช้จ่ายงบประมาณแล้วพาประเทศล่มจมจนอาจล้มละลาย พรรคการเมืองก็รับความผิดไปเต็มๆ เช่นกันนโยบายของพรรคการเมืองที่น่ากลัวและมีความเสี่ยงต่อฐานะการเงินคลังของประเทศมากที่สุด ก็ต้องยกให้ต้นตำรับขนานแท้ประชานิยม ของพรรคเพื่อไทย (พท.) เพราะนโยบายของ พท. ยาวเป็นหางว่าว ใช้เงินรวมกันไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท

 

เริ่มตั้งแต่นโยบายของ พท. ที่สำคัญอันดับแรกๆ ที่จะดำเนินการ คือ การรับจำนำข้าวทุกเม็ดซึ่งต้องใช้เงินมากถึง 4.7 แสนล้านบาท เพิ่มเงินเดือนคนจบปริญญาตรี 5.5 แสนล้านบาท ลดภาษีนิติบุคคล 1.5 แสนล้านบาท รวมกันก็เป็นเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการแจกแท็บเล็ตแก่เด็กนักเรียน โครงการแลนด์บริดจ์ เพิ่มกองทุนหมู่บ้าน เครดิตการ์ดเกษตรกร คืนภาษีรถคันแรก พักหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อราย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สร้างชลประทาน 25 ลุ่มแม่น้ำ ต้องใช้เงินรวมกันอีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท

 

หาก พท. จะทำโครงการทั้งหมดหมายความว่า ต้องตั้งงบประมาณปี 2555 เพิ่มขึ้นจากเดิม 2.25 ล้านบาท เป็นกว่า 4 ล้านล้านบาท

 

เมื่อนำไปเทียบกับเงินที่ประเทศมีอยู่ตามที่กระทรวงจัดทำออกมากางให้เห็น เท่ากับว่า พท. ต้องใช้เงินที่ประเทศมีอยู่ทุกบาททุกสตางค์ ใช้ทำนโยบายต่างๆ ที่หาเสียงกับประชาชนไว้ทั้งหมด ประเทศไทยก็กำลังเดินไปสู่กับดักแห่งวิกฤตและหายนะ เพราะฐานะการเงินการคลังของประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตอย่างยิ่ง

 

สำหรับนโยบายหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ พท. ก็มีความเสี่ยงกับฐานะการเงินการคลังรองลงมา โดยนโยบายหาเสียงสำคัญของ ปชป. ที่สำคัญ เช่น การปรับประกันรายได้ 8.5 หมื่นล้านบาท การขยายประกันสังคมกลุ่มนอกระบบ 1.5 หมื่นล้านบาท การลดหย่อนภาษีและเพิ่มค่าจ้าง 3 หมื่นล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านมั่นคง ปราบปรามยาเสพติด โครงการก่อตั้งเศรษฐกิจพิเศษ โครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทุกนโยบายของ ปชป. ใช้เงินมากถึง 2 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบที่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับงบประมาณมากเท่า พท.

 

ขณะที่นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีมูลค่าเพิ่มลง 2% การปลดหนี้กองทุนหมู่บ้าน เชื่อว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะถึงได้เป็นรัฐบาลก็ต้องเปิดทางให้พรรคใหญ่เดินหน้าก่อน

 

เมื่อเห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นของพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล การเปิดเผยข้อมูลที่มาของรายได้ ก็เป็นการหาแนวร่วมในการช่วยกันตรวจสอบการใช้เงินของว่าที่รัฐบาลใหม่

 

จะว่าไปแล้วการทำงบประมาณและการใช้เงินกู้ หรือการใช้เงินคงคลัง ก็มีกฎกติกามารยาทอยู่พอสมควร ไม่ได้หมายความว่า ชนะการเลือกตั้งมาแล้วจะใช้เงินตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะตามมา

 

เพราะการทำงบประมาณแบบขาดดุลตามหลักของงบประมาณก็สามารถกู้ได้แค่ 20% ของงบประมาณรายจ่าย รวมกับอีก 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีหลักของสากลว่าไม่ควรขาดดุลงบประมาณเกิน 5% ของจีดีพีกำกับอยู่ หากใครใช้เต็มมือก็สุ่มเสี่ยงในเรื่องการขาดดุลงบประมาณ

 

ในส่วนของการกู้เงิน นอกจากจะกู้ได้ตามการขาดดุลงบประมาณแล้ว ก็กู้ได้เพื่อการพัฒนาประเทศได้อีก 10% สามารถค้ำประกันเงินกู้ให้รัฐวิสาหกิจได้อีก 10%

 

ขณะที่การใช้เงินคงคลังแม้รัฐบาลทำได้ตามอัธยาศัยก็จริง แต่กฎหมายกำหนดว่า ต้องตั้งงบประมาณในปีถัดไปมาใช้ทันที

 

ทั้งหมดเป็นกลไกที่กระทรวงการคลังอาจต้องการกำลังจากภาคส่วนอื่นเข้ามาช่วยตรวจสอบต้านทานการใช้จ่ายของรัฐบาลใหม่ ที่มีโครงการประชานิยมต้องเร่งทำสารพัดโครงการ จำนวนเงินเป็นหลายล้านล้านบาท จึงมีการใช้กุศโลบายผ่านการเปิดเผยฐานะเงินของประเทศที่มีอยู่และกำลังจะถูกนักการเมืองนำไปใช้อย่างสุ่มเสี่ยง

 

เพราะลำพังข้าราชการกระทรวงการคลังเพียงฝ่ายเดียวคงต้านทานฝ่ายการเมืองไม่อยู่แน่

 

หากไม่มีแนวร่วมเข้ามาต้านทานร่วมกันตรวจสอบ กระทรวงการคลังก็คงต้องก้มหน้าก้มตาปั๊มเงินให้ฝ่ายการเมืองนำไปใช้โปรยนโยบายประชานิยมแจกประชาชนจนถังแตกได้ในไม่ช้า

 

ขอบคุณมากครับ

 

ได้เวลา สะสม ทอง เงิน มากเลยครับ

 

เราต้องดำรงชีวิตเป็น อุเบกขา ท่ามกลาง พายุใหญ่

 

ดำรง สติ ให้มั่นคง เด้อออออ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครๆก็บอกว่าภาพหนึ่งภาพ แทนคำพูดได้นับพันคำ

 

ภาพประกอบล่าสุด จากเวบลุงจิม laugh.giflaugh.gif

 

 

 

ยิ่งกว่า ชัด อีก ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณทุกๆ ท่านสำหรับข่าวสารครับ :) :)

ราคาปรับรอบนี้เล่นเอาผมเสียศูนย์ไปเหมือนกัน :( :(

 

 

 

คนไทยเสพติดประชานิยมกันไปหมดแล้ว จะโทษใครดี

นโยบายของพรรคการเมืองมองแต่เป้าหมายเพื่อชัียชนะการเลือกตั้งของตน แต่ประเทศได้อะไรคำตอบที่ได้กลับคลุมเคลือ :( :(

 

สุดท้ายคืออย่าไปหวังพึ่งนักการเมือง ทางออกมีครับ

 

800px-Sufficient-economy-chart01-1.jpg

 

 

 

ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...