ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

คุณเสมค่ะวันนี้โหลดmetastockไม่ได้เลย ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร

สัญญาณเข้าซื้อมาเมื่อไหร่บอกด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่งซิกขึ้นดอกเบี้ย ธปท.อ้างบาทอ่อนค่าถึงสิ้นปี ลุ้นประชุม กนง. 1 ธ.ค.นี้

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2553 21:16 น.

 

 

 

 

 

แบงก์ชาติระบุปัญหาไอร์แลนด์ไม่สะเทือนนโยบายและกระทบเศรษฐกิจไทยน้อย ไม่สามารถกดดันค่าเงินเอเชียได้ ชี้ค่าบาทแนวโน้มอ่อนค่าจนถึงสิ้นปีนี้ แย้มประชุม กนง. 1 ธ.ค.ดอกเบี้ยอาจเป็นขาขึ้น เหตุปัจจัยภายนอกเริ่มนิ่ง ส่วนปีหน้าเงินบาทจะแข็งค่าน้อยลง เหตุยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่ำ

 

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ประเมินว่าในปี 54 ไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดน้อยลงจากปีนี้ที่เกินดุลบัญชีสะพัดค่อนข้างสูง ขณะที่เงินทุนไหลกลับเข้ามาช่วงต้นปีหน้าอาจจะไม่รุนแรงมากนัก ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าน้อยลงจากช่วงที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างมาก

 

ปัญหาหนี้ไอร์แลนด์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก รวมถึงนโยบายด้านอื่นๆ ด้วย ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่ธปท.ประเมินไว้ที่ระดับ 7.3-8.0% โดยผลกระทบทางตรงผ่านการส่งออกไทยไม่ได้มีผลมาก ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกไทยไปยังกลุ่มประเทศยุโรปกว่า 10% เป็นอันดับ 2 น้อยกว่ากลุ่มประเทศอาเซียนที่เป็นอันดับต้น ส่วนผลกระทบทางอ้อมในกรณีที่ปัญหาลุกลามสู่ประเทศอื่นๆ อาทิ สหรัฐ ญี่ปุ่น รวมถึงเศรษฐกิจของเอเชีย แต่เชื่อว่าปัญหานี้คาดว่าจะมีผลเฉพาะความเชื่อมั่นกลุ่มประเทศยุโรปและสุดท้ายจะสามารถควบคุมได้

 

การเคลื่อนย้ายเงินทุนค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากนักลงทุนมีการถอนเงินทุนจากกลุ่มประเทศที่ไม่แข็งแรงไปสู่กลุ่มประเทศที่มีความแข็งแรง อาทิ ประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศล และอีกส่วนกลับไปสู่การลงทุนในสหรัฐ สะท้อนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลทั่วโลก นอกจากนี้ยังผลต่อค่าเงินแค่ช่วงสั้นๆ ทำให้แรงกดดันต่อค่าเงินในภูมิภาคมีน้อย ซึ่งรวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และค่าเงินบาทของไทยมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าต่อเนื่องได้จนถึงปลายปีนี้

 

ในส่วนของธปท.ไม่ได้นำเงินทุนสำรองทางการระหว่างประเทศไปลงทุนในประเทศไอร์แลนด์ เพราะมีกฎเกณฑ์บริหารความเสี่ยงที่เคร่งครัดอยู่แล้ว หากต้องเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ เช่นเดียวกับสถาบันการเงินไทยก็เชื่อว่าไม่มาก เพราะปัญหายุโรปทยอยเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคเอกชนต่างทยอยลดสัดส่วนการลงทุนกัน

 

“ปัญหาเศรษฐกิจเอเชียไม่น่าจะเกิดจากปัญหาไอร์แลนด์ แต่น่าจะเกิดจากเหตุการณ์การยิงปะทะกันระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้มากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องในภูมิภาคเดียวกัน จึงมองว่าปัญหาไอร์แลนด์ไม่น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลก”นายเมธีกล่าว

 

แรงกดดันปัจจัยภายนอกน้อยลง

 

สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้มองว่าความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศน้อยลง จากก่อนหน้านี้ที่หลายฝ่ายห่วงเรื่องมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบ2 ของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงปัญหาหนี้สินในกลุ่มประเทศยุโรป แต่ขณะนี้ปัญหาต่างๆ เริ่มคลี่คลายมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม กนง.ยังมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นและควรกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากปัจจุบันระดับ 1.75%ต่อปี ถือว่าเป็นระดับต่ำเป็นพิเศษและมองว่าจากการขยายตัวเศรษฐกิจค่อนข้างสูง จึงไม่ควรใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นร.นับพันยัวะขึ้นราคาอาหาร บุกพังโรงอาหาร

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2553 17:16 น.

 

 

 

 

 

 

สภาพโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมหมายเลขสอง เมืองลิ่วผานสุ่ย มณฑลกุ้ยโจว หลังจากโดนนักเรียน ไม่พอใจขึ้นราคาอาหาร คว่ำโต๊ะเก้าอี้ ทุบทำลายหน้าต่างในคืนวันจันทร์(22 พ.ย.) (ภาพเอเจนซี)

 

 

เอเจนซี-สื่อจีนเผยวันนี้(25 พ.ย.) ว่า นักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาหมายเลขสอง ในเมืองลิ่วผานสุ่ย มณฑลกุ้ยโจว บุกพังโรงอาหาร หลังมีประกาศขึ้นราคาอาหาร

 

โดย ครูใหญ่โรงเรียนฯ นาย ฝาน กั๋วชิ่ง เผยว่า ในคืนวันจันทร์(22 พ.ย.) หลังจากที่มีการประกาศขึ้นราคาอาหาร และน้ำดื่ม กลุ่มนักเรียนได้มายังโรงอาหารของโรงเรียน โวยวาย บางกลุ่มก็พังโต๊ะเก้าอี้ หน้าต่าง และสิ่งของต่างๆในโรงอาหาร

 

ฝาน กั๋วชิ่ง ได้บอกกับผู้สื่อข่าว ว่า ขณะนี้ราคาอาหารปรับตัวขึ้น 37.5 เปอร์เซนต์ โรงอาหารจึงขึ้นราคาอาหารระหว่าง 0.2-0.5 หยวน อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ฝานบอกกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีทางโทรศัพท์ว่า “ขณะนี้ราคาอาหารลดกลับไปอยู่ระดับเดิมแล้ว”

 

สื่อทางการจีน ระบุมีนักเรียน 1,000 กว่าคน ที่มีส่วนร่วมพังโรงอาหาร แต่ครูใหญ่โรงเรียน นายฝาน บอกว่ามีนักเรียน 10-20 คนที่พังโรงเรียน และอีกหลายคนนั่งเชียร์

 

จากรายงานข่าวของสื่อ ระบุไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

 

 

 

สภาพโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมหมายเลขสอง เมืองลิ่วผานสุ่ย มณฑลกุ้ยโจว หลังจากโดนนักเรียน ไม่พอใจขึ้นราคาอาหาร คว่ำโต๊ะเก้าอี้ ทุบทำลายหน้าต่าง ในคืนวันจันทร์(22 พ.ย.) (ภาพเอเจนซี)

 

 

นายฝานบอกว่า นักเรียนที่เข้าร่วมพังโรงอาหารครั้งนี้ จะถูกตำหนิโทษและอบรมสั่งสอน

 

ขณะนี้ รัฐบาลจีนกำลังวิตกปัญหาเงินเฟ้อครั้งประวัติการณ์ จะจุดชนวนความวุ่นวายไปทั่วประเทศ และได้ประกาศมาตรการหลายชุดเพื่อสกัดราคาที่กำลังควงสว่าน และบรรเทาความขุ่นเคืองของผู้บริโภค

 

โดยในสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลได้สั่งการประกันแหล่งสินค้าหลัก เสนอเงินช่วยเหลือ และอาจจะประกาศควบคุมราคาหากจำเป็น

 

ในวันพุธ(24 พ.ย.) ธนาคารกลางยังได้ประกาศใช้เครื่องมือทางการเงินหลายอย่าง รักษาเสถียรภาพราคา ซึ่งอาจเป็น การขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง

ราคาผักบางชนิดพุ่งกระฉูด 60 กว่าเปอร์เซนต์ในปีนี้ เงินเฟ้อทุบสถิติในรอบสองปี ที่ 4.4 เปอร์เซนต์ ในเดือนต.ค.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับคุณส้มโอมือ :ph34r: :lol: กำลังติดตามข่าวแนวโน้มว่าจีนจะปรับดอกเบี้ยอีกหรือเปล่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'เซเว่นฯ' อวตารเป็น 'ธนาคาร' ธุรกรรมสะดวกฝาก+ถอน+โอน

 

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 25 พฤศจิกายน 2553 18:24 น.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

 

 

 

 

 

ไม่ใช่เฉพาะแวดวงเศรษฐกิจและการเงินเท่านั้นที่ตื่นเต้นกับข่าวล่ามาแรง เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์แต่งตั้งตัวแทนให้บริการทางการเงินในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนอกจาก ไปรษณีย์ไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแล้ว ร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่อย่าง 'เซเว่น อีเลฟเว่น' ดูจะตกเป็นเป้าสายตามากกว่าใครเพื่อน

 

นั่นหมายความว่า ต่อจากนี้นอกจากเราจะจ่ายเงินค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเกมออนไลน์ ค่าบัตรคอนเสิร์ต ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆ อีกมากมายกว่า 300 รายการผ่านเซเว่นฯ แล้ว เราจะสามารถฝาก - ถอน - โอน - ชำระเงิน ได้ราวกับเซเว่นฯ เป็นหนึ่งในสาขาย่อยของธนาคารทีเดียวเชียว

มาหยั่งกระแสว่า ถ้าเซเว่นฯ กว่า 5,300 สาขา แปลงร่างกลายเป็นธนาคารย่อยขึ้นมาจริงๆ จะมีผลกระทบอะไรบ้างในสังคมบ้านเรา

 

เกมวัดใจ-เปิดเสรีหรือผูกขาด?

 

ความจริงแล้ว ปรากฏการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพราะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มซี.พี. (เซเว่นอีเลฟเว่น) และธนาคารกรุงไทย ได้เคยมีความพยายามจะร่วมทุนเพื่อเปิดช่องทางให้บริการใหม่ๆ แม้ท้ายที่สุดสัญญาดังกล่าวจะล้มไปกลางคัน แต่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าร้านสะดวกซื้อแบรนด์นี้มีศักยภาพทางธุรกิจมากเพียงใด

 

“ถ้าถามว่ามันเป็นเรื่องดีไหมที่เราสามารถทำธุรกรรมการเงินผ่านร้านขายปลีกอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นได้ แน่นอนว่ามันดีอยู่แล้ว เพราะมันทำให้คนทั่วไปเข้าถึงบริการของธนาคารได้มากขึ้น เซเว่นฯ เองก็เป็นของที่คุ้นเคยกันดีกับคนไทยมาอย่างยาวนาน และถือว่าประสบความสำเร็จมากในการทำตลาดในบ้านเรา ทำให้สาขามีเยอะมาก แต่ทีนี้ก็ต้องมาดูกันต่อไป ถึงหลักเกณฑ์ที่จะใช้ดำเนินการว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ จะมีการผูกขาดให้ธนาคารใดธนาคารหนึ่งเข้ามาดำเนินการได้เพียงเจ้าเดียวหรือเปล่า เพราะแต่ละที่คงต้องเข้าไปเจรจากันเอง”

 

สฤณี อาชวานันทกุล นักเศรษฐศาสตร์ที่มีความสนใจทั้งในเรื่องของเศรษฐศาสตร์และสังคม ให้ความเห็นถึงการที่ธนาคารพาณิชย์จะเข้ามาจับมือกับเซเว่นฯ ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเป็นเรื่องดี และไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวของคนไทย เพราะที่ผ่านมาร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ก็สามารถจ่ายค่าบริการต่างๆ แทบจะครอบจักรวาลอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนตอนที่มีการนำตู้เอทีเอ็มมาใช้ในไทยใหม่ๆ ซึ่งผู้บริโภคต้องปรับตัวค่อนข้างมาก แต่กระนั้น สฤณี ก็เตือนว่าจะต้องดูถึง กติกาที่จะนำมาใช้ด้วยว่าโปร่งใสเพียงใด

 

“ถ้าเป็นธนาคารเพียงไม่กี่แห่งหรือแห่งเดียวเข้ามาทำ โดยการเสนอผลประโยชน์ให้เซเว่นฯ มากกว่าเจ้าอื่น และเข้ามาดำเนินการโดยเก็บค่าธรรมเนียมแพงๆ มันก็จะเกิดความไม่โปร่งใสขึ้น จริงๆ แล้วเซเว่นฯ คือช่องทางการขายช่องทางหนึ่ง ดังนั้นควรทำตัวเหมือนกับในห้างใหญ่ๆ ที่เปิดให้ธนาคารหลายๆ เจ้าเข้าไปเปิดบริการได้อย่างเสรี”

 

ประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่ง ก็คือเรื่องของความปลอดภัยในการทำธุรกรรม กรณีนี้สฤณีมองว่า มันน่าจะเป็นเรื่องของทางผู้ให้บริการที่จะต้องรับผิดชอบในการกำกับดูแลกันเอง

 

“ในเรื่องของความปลอดภัยของตัวเงิน ก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการที่จะต้องวางระบบกัน เพราะถ้ามันไม่มีความปลอดภัย ลูกค้าก็จะเลือกที่จะไม่ใช้บริการเองแหละ ตรงนี้ ดูเผินๆ ก็ดูเหมือนว่าอำนาจต่อรองจะอยู่ที่ผู้บริโภคนะ แต่ถ้าการดำเนินการไม่มีความโปร่งใส มันก็จะกลายเป็นการจำกัดหนทางของผู้บริโภคที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารที่เข้าไปดำเนินการในเซเว่นฯ

 

“เดิมทีกลุ่มของธนาคารและกลุ่มเซเว่นอีเลฟเว่นก็มีอำนาจต่อรองมากอยู่แล้ว ถ้าเกิดการมาจับมือกัน อำนาจของทั้งสองกลุ่มนี้ก็จะเพิ่มมากขึ้นมาก จนอาจจะเกิดการผูกขาดได้”

 

ซึ่งตัวอย่างลักษณะนี้มีให้เห็นในประเทศญี่ปุ่น ที่ไปรษณีย์เป็นผู้ผูกขาดการทำธุรกรรมทางการเงิน จนมีอำนาจต่อรองสูงลิบถึงขั้นสามารถเขี่ยเก้าอี้ของนักการเมืองได้เลยทีเดียว

 

พนักงานแบงก์สยอง เด็กเซเว่นฯ สยิว

 

หันมาดูระดับพนักงานฝ่ายปฏิบัติการกันบ้าง ซึ่งนาทีนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะสยองกว่าใคร เพราะทางพนักงานธนาคารสาขาย่อยต่างๆ ก็เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ เพราะกลัวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การเงินของตัวเอง เช่นเดียวกับพนักงานเซเว่นฯ ที่โอดครวญว่าปัจจุบันงานก็เยอะมากพออยู่แล้ว

 

“ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากนะ เพราะทางผู้ใหญ่ยังไม่มีการแจ้งนโยบายออกมามากมาย แต่เราก็กลัวเหมือนกันว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ยิ่งเราเข้ามาใหม่ๆ ด้วย แต่มันก็เหมือนพูดกันเล่นๆ มากกว่านะ แบบแซวๆ กันว่า หรือเราต้องไปฝึกพูดขายขนมจีบซาลาเปาไว้ก่อน (หัวเราะ) แต่จริงๆ มันก็แอบน่ากลัวเหมือนกันแหละ เขาว่ามันจะเหมือนตอนตู้เอทีเอ็มเข้ามาใหม่ๆ พอมาถึงก็ต้องลดจำนวนพนักงานบริการลง” ภาวิตา (ขอสงวนนามสกุล) พนักงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งเปิดเผยความรู้สึก

 

อย่างไรก็ดี สาวแบงก์คนนี้ให้ความเห็นว่าสาขาใหญ่ๆ คงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ที่หนักหนาสาหัสคงจะเป็นสาขาย่อยที่คนใช้บริการน้อย

 

“สาขาย่อยน่ะคงลำบาก เพราะเซเว่นฯ ยังไงก็สะดวกกว่า ไปรษณีย์ หรือธนาคารรัฐฯ มันยังพอสู้ได้ แต่เซเว่นฯ นี่เป็น 24 ชั่วโมง สาขาก็เยอะเป็นดอกเห็ด มีแทบทุกหัวถนนเลย ยังไงก็คงจะสะดวกกว่าเยอะ”

 

ฝั่งของ เอกพล (ขอสงวนนามสกุล) พนักงานร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ก็ไม่ได้วิตกกังวลน้อยไปกว่ากัน เพราะไม่ว่าประตูไหน เขาก็เป็นคนที่ต้องรับไปเต็มๆ อยู่ดี

 

“คือธนาคารยังไงไม่รู้นะ แต่ถ้ามาถึงผม ผมโดนก่อนชัวร์ใช่ไหมล่ะ คือพนักงานเซเว่นฯ นี่ภาระหน้าที่มันไม่เหมือนร้านสะดวกซื้อธรรมดานะ มันมีเคาน์เตอร์เซอร์วิสด้วย มีบัตรเติมเงินต่างๆ ร้อยแปดอย่าง ซึ่งมันเยอะมากนะครับ บางทีก็มีเด็กพาร์ตไทม์มาทำ ถ้าเขาจำไม่ได้ เขาก็ต้องเรียกผม ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ทุกชนิดหรอก ยิ่งตรงนี้มีโรงแรมอยู่ บางทีมีคนอินเดีย มีฝรั่งมาซื้อบัตรโทรศัพท์โทร.ข้ามประเทศ เขามาถามรายละเอียด รหัสประเทศนี้อะไร โทร.ไปประเทศนี้นาทีละเท่าไร ใครจะไปรู้ล่ะ แค่บัตรเกมออนไลน์ที่เด็กมาซื้อผมยังงงเลย (หัวเราะ)”

 

แต่ถ้าเกิดวันนั้นต้องมาถึงจริงๆ เอกพลบอกว่า คงต้องก้มหน้าก้มตายอมรับไปอย่างเดียว

 

“ก็ถ้ามาจริงๆ จะทำยังไงได้ละครับ ก็คงต้องทำไป แต่ก็ดีครับอาจจะได้มีโอกาสจับเงินหมื่นเงินแสนบ้าง (หัวเราะ) แต่ถ้าได้เบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติมก็ดีนะครับ” หนุ่มเซเว่นฯ สรุปติดตลก

 

สะดวกก็ดี แต่ขอเน้นที่ความปลอดภัย

 

ฟังเสียงคนอื่นมาเยอะแล้ว มาลองดูชาวประชาตาดำๆ เยี่ยงผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ กันบ้าง ว่ามีความคิดเห็นกันอย่างไร

 

สำหรับ ณัฐวดี นาคบาตร พนักงานบริษัทรับจัดทัวร์ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ก็เป็นผู้ที่ต้องทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารอยู่บ่อยครั้ง เธอบอกว่ายังไม่รู้สึกมั่นใจในการชำระค่าบริการผ่านร้านสะดวกซื้อเท่าใดนัก

 

“การที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินในเซเว่นฯ เรามองว่าอาจจะไม่ค่อยปลอดภัย เพราะโดยพื้นฐานแล้วร้านสะดวกซื้อควรจะเน้นไปที่การขายของเป็นหลัก ไม่น่าจะต้องมาใช้เป็นที่ฝากเงิน หรือโอนเงิน อย่างหนึ่งการรักษาความปลอดภัยมันไม่สูงเหมือนธนาคาร ถ้าเราต้องโอนเงิน ฝากเงินเยอะๆ ทำที่ธนาคารอาจจะให้ความรู้สึกที่มั่นใจกว่า”

 

ส่วนการชำระค่าบริการผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในปัจจุบัน ณัฐวดีก็ให้ความเห็นว่ายังมีความล่าช้าให้เห็นอยู่บ้าง

 

“การจ่ายเงินค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำค่าไฟ หรือค่าบริการต่างๆ เรารู้สึกว่าจะมีความล่าช้าอยู่ 2-3 วัน ซึ่งถ้าไปจ่ายที่ธนาคารมันจะตัดยอดของจำนวนเงินเดี๋ยวนั้นเลย ถึงจะต้องรอคิวนานแต่ก็น่าจะชัวร์กว่า ส่วนที่เซเว่นฯ น่าจะดีในเวลากลางคืนที่ต้องจ่ายอะไรเร่งด่วนตอนดึกๆ เพราะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ก็คงจะดีในส่วนนั้นมากกว่า"

 

ท้ายที่สุด ไกด์สาวคนนี้ยังเสนอแนะว่า ถ้าจะมีการเปิดบริการดังกล่าวจริง ควรจะมีพนักงานที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงินที่ดีในระดับหนึ่ง และมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่มากขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการได้

 

ส่วนทันตแพทย์หญิง วัลภา เวชวงวาน ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ต้องทำธุรกรรมการเงินครั้งละกว่า 1 ล้านบาท ปีละหลายหนได้ให้ความสำคัญเจาะจงไปด้านความปลอดภัยเช่นเดียวกัน

 

“เวลาโอนเงินก้อนใหญ่ๆ เราก็จะใช้บริการของธนาคารกรุงศรีฯ ถามว่าเสียค่าโอนเยอะไหม มันเสียเยอะ แต่เรามั่นใจกว่าว่ามันปลอดภัย คือคนที่โอนเงินเยอะๆ แบบเรา ถ้าจะให้เลือกระหว่างธนาคารกับเซเว่นฯ เราก็คงต้องใช้ธนาคารมากกว่า เอกสารมันดูน่าเชื่อถือกว่า แล้วลองนึกภาพพนักงานต้องมานับเงินเยอะๆ ดูสิ มันจะตกเป็นเป้าสายตาขนาดไหน”

 

“การทำการเงินในเซเว่นฯ มันจะสะดวกมากกว่า เพราะมันเปิด 24ชั่วโมง แต่ถ้าจะให้เลือก ก็จะทำกับทางธนาคารอยู่ดี เพราะมีความปลอดภัยกว่า มีเอกสารทางการเงินที่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญเซเว่นฯ เป็นสถานที่เปิด พนักงานต้องนับเงินจำนวนเยอะ ๆ ต่อหน้าคนอื่น ทำให้เป็นเป้าสายตาและง่ายต่อการถูกปล้น”

 

แต่ท้ายที่สุดเธอก็บอกว่า ถ้าต้องโอนเงินเล็กๆ น้อยๆ ร้านสะดวกซื้อ ก็น่าลองอยู่เหมือนกัน แต่ถ้ามีเคาน์เตอร์ที่ปิดมิดชิดกว่านี้ก็คงจะดีไม่น้อย

 

>>>>>>>>>

…….

เรื่อง : ทีมข่าว CLICK

ภาพ : อดิศร ฉาบสูงเนิน

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ลงมาเลย ลงมาเยอะๆ ขอซัก 1328 ได้ยิ่งดี เตรียมลูกปืนชุดใหม่ไว้นานแล้ว จะได้จังหวะยิงซะที !_01 !_01 !_01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

e90bc4075379a7ff3c98b5af26036493.jpgทองคำครับ ไม่ใช่เผือกร้อน ไม่รีบไม่ร้อนถือแบบสบายๆ

ย่อลงมาเยอะๆซื้ออีกครับ เที่ยวนี้ขออัดเต็มแม็ก ไว้ขายพร้อมอาจารย์เสมปีหน้าเลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น่าเบื่อจังเลย ราคาทองดันมาลงช่วงนี้ ช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าปวกเปียก

จากกระแส และ ร่าง เฮ้อ ไม่รู้ว่า วันจันทร์ วันที่ศาลจะมีคำตัดสิน

ค่าเงินบาท จะไปถึงไหนหนอ ราคาทองลง แต่ราคาขายในประเทศไทย เท่าเดิม

19,400/19,500 คอยดูสิ

 

เดี๋ยวพออะไรเข้าที่เข้าทาง เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาใหม่ ราคาทองโลก ขึ้นอีกแหละ ไม่ให้โอกาสงามๆ

มั่งเลยนิ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

e90bc4075379a7ff3c98b5af26036493.jpgลงมาซื้ออีก ขึ้นไป 1600 ผมขายครับ

 

เดินตามอาจารย์เสมไม่เจ็บตัวครับพี่น้อง 5555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อาจารย์เสมคะ วันนี้ถ้าท่านมา อยากรบกวนวิเคราะห์ยูโรให้ด้วยนะคะ ขอบคุณคะ ฮ่าๆ ส่วนตัวมองว่ายูโรจะลงได้อีก โซดาเลยอยากฟังความเห็นจากท่านอาจารย์เสมบ้างคะ เพื่อไว้เดินหน้าในวันจันทร์คะ 5fc0f220.gif5fc0f220.gif5fc0f220.gif5fc0f220.gif5fc0f220.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โสมขาวร่อน “ใบปลิว” เปิดสงครามชวนเชื่อกับโสมแดง

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2553 14:33 น.

 

 

 

 

 

 

กลุ่มผู้ประท้วงชาวเกาหลีใต้เผาโปสเตอร์และข้อความต่อต้าน คิม จอง อิล และรัฐบาลคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ

 

 

เอเอฟพี - หลังจากเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่นับร้อยลูกถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ไม่เพียงใช้ปืนยิงตอบโต้ แต่ยังงัดอาวุธเด็ดที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์กลัวมากที่สุด นั่นคือ ใบปลิว

 

สื่อรายงานว่า กรุงโซลได้ส่งบอลลูนหลายลูกขึ้นไปโปรยใบปลิว ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีระบอบ คิม บริเวณแนวชายแดน

 

“เราได้ส่งบอลลูนขึ้นไปโปรยใบปลิวเพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือโจมตีเกาะยอนพยอง” หนังสือพิมพ์ จุงอัง อิลโบ อ้างรายงานจากทหารคนหนึ่ง

 

“ใบปลิวเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์ คิม จอง อิล และการสืบทอดอำนาจรุ่นที่ 3” เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ อ้างถึงการส่งต่ออำนาจทางการเมืองสู่ คิม จอง อุน บุตรชายวัย 27 ปีของผู้นำ คิม

 

 

 

 

 

เกาหลีใต้เคยให้สัญญากับกรุงเปียงยางเมื่อ 6 ปีก่อนว่า จะไม่ทำ “สงครามจิตวิทยา” เช่นนี้ แต่มีรายงานว่ากรุงโซลหันกลับมาใช้วิธีดังกล่าว หลังจากเกาหลีเหนือยิงถล่มเกาะใกล้แนวชายแดน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

ใบปลิวกว่า 400,000 ใบซึ่งประณามผู้นำที่เคารพรักสูงสุดของเกาหลีเหนือ ถูกโปรยข้ามเขตปลอดทหาร หลังเกาะยอนพยองถูกโจมตีเพียงไม่กี่ชั่วโมง

 

รายงานระบุว่า ใบปลิวเหล่านี้ถูกเตรียมไว้ตั้งแต่เรือรบโชนันของเกาหลีใต้ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งเกาหลีใต้และทีมผู้เชี่ยวชาญกล่าวหาว่า ตอร์ปิโดดังกล่าวถูกยิงมาจากเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือ

 

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังรวบรวมอาวุธทรงอานุภาพในสงครามความเชื่ออีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ “เครื่องขยายเสียง” ซึ่งสามารถถส่งสารต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์และสนับสนุนประชาธิปไตยได้ไกลราว 10 กิโลเมตรในเวลากลางวัน และ 24 กิโลเมตรในเวลากลางคืน

 

แม้ขณะนี้เครื่องขยายเสียงยังไม่ถูกใช้งาน แต่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เตือนว่า พร้อมจะกดปุ่มใช้งานทันทีที่เกิดการยั่วยุบริเวณแนวชายแดน

 

ในอดีต เกาหลีเหนือเคยข่มขู่ว่าจะยิงเครื่องขยายเสียงเหล่านั้น หากมีการเผยแพร่ข้อความใดๆ

 

 

 

 

 

ปีเตอร์ เบ็ค ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ เขียนในงานวิจัยล่าสุดว่า เมื่อใดที่นักเคลื่อนไหวส่งบอลลูนขึ้นไปโปรยใบปลิวหรือเครื่องอุปโภคบริโภค ก็จะถูกทหารเกาหลีเหนือใช้เป็นเป้าซ้อมยิงเสมอ

 

เบ็ค เล่าว่า นักเคลื่อนไหวคนหนึ่งเคยคิดจะใช้บอลลูนขึ้นไปโปรยหนังสือเรื่อง “แอนิมอล ฟาร์ม” (Animal Farm) ของ จอร์จ ออร์เวลล์ รวมถึงดีวีดีข่าวรอบเย็นและภาพยนตร์ดังของเกาหลีใต้

 

การที่เกาหลีเหนือตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการโปรยใบปลิวในอดีตแสดงให้เห็นว่า พวกมันสามารถสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ได้จริง นายทหารคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ จุงอัง อิลโบ

 

“ผมคิดว่าใบปลิวมีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าปืนใหญ่เสียอีก”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...