ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

สาระน่ารู้....สุขภาพ.....

โพสต์แนะนำ

ออกกำลังกายด้วยไม้พลองแบบป้าบุญมี เครือรัตน์

 

-_- :lol:

 

ป้าบุญมี เครือรัตน์ นับเป็นผู้หนึ่งที่ปฏิวัติวิธีการออกกำลังกายของผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังจากกระดูกเสื่อม

 

คุณป้ามีประวัติที่น่าสนใจมากท่านเป็นหนึ่งในผู้ป่วยที่มีปวดหลังเรื้อรังมานานหลายสิบปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเพชรบุรี

 

คุณ ป้ามีความทุกข์ทรมาณมากจากการปวดหลังโดยต้องรับประทานยาเป็นประจำจนเกิด ปัญหาข้างเคียงจากยาแก้ปวด มีความท้อแท้มากจนไม่อยากทำงาน ไม่อยากออกจากบ้าน จนมาวันหนึ่งท่านเห็นเศษท่อนไม้ที่ถูกทิ้งไว้กองสุมกันอยูู่่ ท่านลองเอาไม้มาแกว่งไปมา ลองดัดกับลำตัว ปรากฎว่าวันต่อมาอาการปวดหลังของท่านดีขึ้น ป้าบุญมีจึงลองทำการ ออกกำลังกายด้วยไม้ต่อเป็นประจำ จนคิดท่าต่างๆได้ถึง 12 ท่า เป็น ท่า"รำไม้พลอง"ของป้าบุญมี

 

ผล จากการออกกำลังกายนี้ ทำให้ป้าบุญมีสามารถหยุดยาแก้ปวดหลังได้ทั้งหมดอย่างไม่น่าเชื่อมีชีวิตกลับ มาปกติ ออกไปทำงานนอกบ้านไปอยู่ในสังคมภายนอกได้ ไม่ต้องเสี่ยงต่อปัญหาข้างเคียงของยาแก้ปวด ไม่ต้องถูกผ่าตัด

 

ข่าว การรักษาตัวเองด้วยไม้พลองของป้าบุญมีได้แพร่หลายขึ้นไปสู่ผู้บริหารกระทรวง สาธารณสุข ได้มีการวิจัยและพัฒนาจนพิสูจน์ได้แล้วว่าการออกกำลังกายวิธีนี้มีประโยชน์ จริงต่อผู้ป่วยปวดหลังในผู้สูงอายุ จนต้องจดลิขสิทธิ์เป็นของไทยเนื่องจากมีต่างประเทศพยายามมาลอกเลียนและจดลิขสิทธ์ว่าเป็นของต่างประเทศ

 

การบริหารร่างกายโดยการรำไม้พลองของป้าบุญมี เป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อลำตัว หลังและต้นขา เป็นส่วนใหญ่

 

ช่วยป้องกันและลดอาการปวดหลัง ส่งเสริมคุณภาพชีวิต การบริหารร่างกายอย่างต่อเนื่องประมาณ 20-30 นาที

 

ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานประมาณ 90-120 แคลอรี่ ขึ้นกับความแรงหรือความเร็วที่ทำ

 

ความแรงอยู่ในระดับเบา จึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ควรทำทุกวันหรือเกือบทุกวันเวลาเช้าหรือเย็นแล้วแต่สะดวก

 

ไม้ที่ใช้ในการบริหารร่างกายมีความยาวเท่ากับช่วงข้อมือของแต่ละคนในขณะกางแขนออกหรือประมาณ 125-130 ซ.ม.

 

ไม้พลองควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ไม่ควรเกิน 1.5 นิ้วเพราะจะกำยากและไม่ถนัดในการบริหาร

 

วัสดุทำไม้พลองจะใช้ไม้ไผ่ ไม้หนาด ไม้พลอง ท่อพีวีซี หรือไม้ถูพื้นก็ได้ ควรมีน้ำหนักที่พอเหมาะกับกำลังแขนแต่ละคน

 

การบริหารร่างกายมี 12 ท่า ป้าบุญมีทำท่าละ 99 ครั้ง!! โดยนับในใจไปด้วย ทำให้จิตมีสมาธิ

 

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึก อาจเริ่มทำแต่ละท่าจำนวนน้อยครั้ง และเคลื่อนไหวช้าๆ ก่อน เมื่อเกิดความชำนาญจึงเพิ่มจำนวนครั้งและความเร็ว

 

หากเหนื่อยอาจหยุดพักระหว่างท่าประมาณครึ่งถึงหนึ่งนาทีแล้วทำต่อ จะช่วยให้ปอด หัวใจ กล้ามเนื้อต่างๆดีขึ้นตามลำดับครับ

 

 

http://www.oknation.net/blog/normalcode/2009/01/09/entry-1

 

01.gif

 

 

 

 

02.gif

 

http://www.youtube.com/watch?v=cNukFoa6IeY&NR=1

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

3. พายเรือ

 

ยืนตรง แยกขาพอสมควร หน้ามองตรง

มือทั้งสองข้างจับปลายไม้ และตั้งขึ้นด้านข้าง

ลำตัวทางขวา(มือขวาอยู่ล่าง มือซ้ายอยู่บน)

วาดแขนซ้ายจากแนวตั้งไปแนวนอน

ส่วนแขนขวาจะถูกผลักไปด้านหลังจนสุด

ลักษณะคล้ายการพายเรือ นับหนึ่ง

ทำซ้ำหลายๆครั้งจนครบ 99 ครั้ง

เปลี่ยนข้างทำเช่นเดียวกันจนครบ 99 ครั้ง

(พายข้างใดให้เอามือข้างนั้นถือปลายไม้ด้านล่าง)

 

Boonmee03

 

03.gif

 

http://www.youtube.com/watch?v=yqy1hDPFeoQ&feature=related

 

 

4. หมุนกาย/หมุนเอว

 

ยืนตรง แยกขาสองข้าง ใบหน้ามองตรง

มือทั้งสองข้างจับที่ปลายไม้พลอง

วาดไม้ในแนวนอนไปด้านข้างทางขวา

และหมุนลำตัวให้รู้สึกตึงกล้ามเนื้อ

พร้อมย่อเข่าขวานับหนึ่ง

วาดไม้และหมุนตัวไปทางซ้าย

ทำเช่นเดียวกันนับสอง ทำสลับกันไปจนครบ 99 ครั้ง

 

Boonmee04

 

04.gif

 

http://www.youtube.com/watch?v=WnMnAw-qP0U&feature=related

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โปสเตอร์ ๑๑ ท่าบริหารร่างกายด้วยท่อนไม้ของ คุณป้าบุญมี เครือรัตน์

 

http://foundation.doctor.or.th/sites/default/files/media_online_files/46001.pdf

 

 

 

โปสเตอร์ ปวดหัว สัญญาณเตือนด้วยความรัก

 

http://foundation.doctor.or.th/sites/default/files/media_online_files/46002.pdf

 

 

ข้อมูล...

 

http://foundation.doctor.or.th/node/63

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

5. ตาชั่ง

 

ยืนตรง แยกขาสองข้าง ไม้พาดบ่าดังรูป

(แต่ต้องระวังอย่าให้กดที่คอ เริ่มต้นต้องช่วยเลื่อนให้ไม้ลงมาที่บ่า)

แขนทั้งสองข้างโอบปลายไม้ไว้ โดยใช้ข้อมือ

เอียงตัวไปทางขวา และวาดปลายไม้ข้างเดียวกันลงมา

พร้อมย่อเข่าซ้าย นับหนึ่ง เอียงตัวไปทางซ้าย

ทำเช่นเดียวกันนับสอง ทำสลับกันไปจนครบ 99 ครั้ง

 

05.gif

 

http://www.youtube.com/watch?v=MzGJUm79xws&feature=player_embedded

 

6. ว่ายน้ำวัดวา

 

ยืนตรง แยกขาสองข้างดังรูป หน้ามองตรงไปข้างหน้า

ไม้พาดบ่า แขนทั้งสองข้างโอบปลายไม้ไว้

วาดปลายไม้ให้เป็นวงเหมือนว่ายน้ำไปข้างหน้า

วนรอบให้ได้ 1 รอบ นับหนึ่ง ทำซ้ำจนครบจำนวนที่ต้องการ

06.gif

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=6IbfSjLu1BY&feature=related

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

7. กรรเชียงถอยหลัง

 

ยืนตรง แยกขา หน้ามองตรงไปข้างหน้า

ไม้พาดอยู่บนบ่า แขนทั้งสองข้างอ้อมโอบปลายไม้ไว้

วาดปลายไม้ด้านซ้ายให้เป็นวงไปข้างหลัง

(ด้านขวาก็จะเป็นวงไปอีกด้านหนึ่งพร้อมๆกัน)

เหมือนว่ายน้ำท่ากรรเชียงถอยหลังให้ได้ 1 รอบ นับหนึ่ง

ทำซ้ำจนครบ จำนวนที่ต้องการ

 

07.gif

 

http://www.youtube.com/watch?v=Mwsc-yZ7sdw&feature=player_embedded

 

 

8. ดาวดึงส์

 

ยืนตรง ส้นเท้าทั้งสองข้างชิดกัน

ปลายเท้าแยกดังรูปใบหน้ามองตรง ไม้พาดบนบ่า

แขนทั้งสองข้างโอบปลายไม้ไว้

วาดปลายไม้ลงด้านข้างทางขวา

โดยให้ความรู้สึกที่ตึงที่สุดที่ทำได้

ปลายไม้ด้านซ้ายก็จะวาดขึ้นด้านบนโดยอัตโนมัติ นับหนึ่ง

อีกครั้งให้วาดปลายไม้ลงทางด้านซ้าย โดยที่ปลายไม้ด้านขวา

จะวาดขึ้นด้านบนโดยอัตโนมัติ แล้วนับสอง ทำสลับกันไปจนครบ

 

08.gif

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=qSIJ5riBu4Y&feature=related

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

9. นกบิน

 

ยืนตรง แยกขาสองข้าง หน้ามองตรง ไม้พาดบ่า แขนทั้งสองข้างโอบปลายไม้ไว้โดยใช้ข้อมือ

หมุนลำตัวและไหล่ไปทางขวาตามแนวราบให้ไม้ชี้ไปข้างหน้า

พร้อมย่อเข่าขวาลงเล็กน้อยเพื่อความสมดุล นับหนึ่ง

แล้วทำลักษณะคล้ายกันโดยหมุนตัวไปทางด้านซ้าย

ทำเช่นเดียวกัน นับสอง ทำสลับกันไปจนครบจำนวนที่ต้องการ

 

09.gif

 

http://www.youtube.com/watch?v=qSIJ5riBu4Y&feature=player_embedded

 

10. ทศกัณฑ์/โยกตัว

 

ยืนตรง แยกขาสองข้างเพื่อความมั่นคง ใบหน้ามองตรง

จับไม้พลองห่างประมาณลำตัว แขนทั้งสองห้อยทิ้งลงด้านหน้า

มือสองข้างจับไม้พลองตามแนวราบ ไว้ที่หน้าต้นขา

ค่อยๆย่อเข่าขวาพร้อมโยกตัวไปทางขวา

ให้ไม้พลองยังขนานอยู่กับพื้น นับหนึ่ง

ทำซ้ำโดยย่อเข่าซ้าย โย้ตัวไปทางด้านซ้าย

ทำเช่นเดียวกันนับสอง ทำสลับกันไปจนครบ

 

10.gif

 

http://www.youtube.com/watch?v=mW0fD4t5hck&feature=related

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระดูกต้นคอเสื่อม....จะออกกำลังกายอย่างไรดี

 

 

 

http://www.rehabmed.or.th/assoc/as_thai/file_attach/06Aug200927-AttachFile1249540167.pdf

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11. ยกน้ำหนัก/จับไม้ข้ามหัว

 

ยืนตรง แยกขา หน้ามองตรง แขนทั้งสองข้างห้อยลง

มือจับไม้ไว้ที่หน้าต้นขาเช่นเดียวกับท่าที่สิบ

ค่อยๆวาดไม้ข้ามศีรษะและดึงลงด้านหลังของศีรษะ

ลงมาช้าๆจนไม้พลองหยุดในท่างอข้อศอกให้รู้สึกตึงที่สุด

จากนั้นวาดไม้ข้ามศีรษะกลับมาอยู่ในท่าเดิมนับหนึ่ง

ทำซ้ำจนครบ จำนวนที่ต้องการ

 

11.gif

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=39i5P4TilXE&feature=player_embedded

 

 

12. นวดตัว

 

ยืนตรง แยกขา ใบหน้ามองตรง แขนทั้งสองข้างห้อยลง

มือจับไม้พลองให้ขนานพื้นไว้ที่หลังต้นขา

ค่อยๆ ย่อเข่าลงทั้งสองข้างให้สมดุลย์

(ไม่ควรย่อเข่าให้เกินกว่ามุมฉาก)

ใช้ไม้นวดหรือคลึงขึ้นลง บริเวณหลังต้นขา ก้น

และบริเวณหลังระดับเอวตามใจชอบ

ค่อยๆยืดเข่าขึ้นยืนจนตรง นับหนึ่ง

ทำซ้ำจนครบจำนวนที่ต้องการ

 

12.gif

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=sqcppUCVvn0&feature=related

 

 

ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มฝึกใหม่

 

1. การย่อเข่าควรย่อไปในทิศทางเดียวกับปลายเท้า (ไม่ใช่บิดเข่าเพราะอาจปวดได้)

2. ไม่ควรย่อเข่าเกินกว่ามุมฉาก(90 องศา) เนื่องจากอาจทำให้ปวดเข่าได้

3. ความกว้างของการย่อเข่าการหมุนเอวและการหมุนไหล่ควรทำเพียงเท่าที่จะทำได้

4. หากมีอาการเจ็บขณะหมุนตัว ไม่ควรเคลื่อนไหวเกินระยะกว้างกว่าจุดที่เริ่มเจ็บ

5. สำหรับผู้ฝึกใหม่ควรเริ่มพร้อมกับคนอื่นๆเพื่อให้เกิดความสนุกสนานและมีเพื่อนฝึก

6. ผู้บริหารวิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องจำกัดท่าทางเพียงสิบสองท่า สามารถลดหรือเพิ่มท่าได้

ตามที่ท่านและเพื่อนๆต้องการ และเห็นว่าท่าไหนทำให้หายปวดก็ทำเพิ่มได้

7. กลุ่มผู้บริหารร่างกาย ควรมีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันกับเพื่อนๆในกลุ่มว่าท่าไหนดี

ท่าบริหารไหนที่ไม่ดี เพราะการคิดค้นท่าขึ้นเองบ้างจะทำให้รู้สึกมีส่วนในการฝึก

 

 

คัดลอกมาจาก >>> http://www.thaispine.com/stickexercise.htm

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โรคผิวหนังจากเชื้อรา เป็นได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

 

โดยเภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล

 

:blink: :lol:

 

มาถึงตอนนี้ทุกท่านคงคุ้นเคยแล้วนะครับว่าเจ้าเชื้อร้ายเชื้อรามาป้วนเปี้ยน อยู่ข้างๆกายเราได้อย่างไร ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเจ้าเชื้อราสามารถบุกโจมตีตัวเราได้ตั้งแต่ เส้นผมบนหนังศีรษะจรดปลายเท้าเพื่อตั้งเป็นป้อมค่ายโรคผิวหนังได้ทั้งตัวเลย คุณๆลองมาติดตามดูว่ารายละเอียดของโรคเชื้อราในแต่ละที่นั้นมีลักษณะเป็น อย่างไรบ้างเลยดีกว่า

 

1. โรคเชื้อราที่ศีรษะ (Tinea capitis)

 

ส่วน ใหญ่โรคนี้มักจะพบในเด็ก โดนเฉพาะในสถานที่เลี้ยงเด็กที่มีการจัดการสุขภาพที่ไม่ดี พอเป็นคนหนึ่งก็จะลามไปติดกับเด็กคนอื่นๆต่อไปได้ ในผู้ใหญ่จะพบได้น้อย ยกเว้นในรายที่สุขภาพไม่ค่อยดีหรือในงานอาชีพบางอย่างที่หนังศรีษะจะต้อง เปียกอับชื้นตลอดเวลาทำงานเช่นตำรวจจราจรที่ต้องสวมหมวกนิรภัยตลอดเวลา

 

ลักษณะของโรคเชื้อรานี้จะคล้ายกับฝีชันนะตุ (Kerion) คือ ในตอนแรกๆจะเกิดตุ่มเล็กๆที่หนังศรีษะก่อน หากไม่ได้รับการรักษา ตุ่มจะขยายวงออกใหญ่ขึ้น มีขอบเขตเป็นวงค่อนข้างชัดเจน คนไข้มักมีอาการคัน หรือเจ็บได้ ในรายที่เป็นมากๆ เป็นหนองแฉะ ๆ บางครั้งเป็นสะเก็ดแห้งกรัง โรคนี้สามารถติดต่อลุกลามไปยังเด็กคนอื่นได้โดยการสัมผัสหรือใช้ผ้าเช็ดตัว หรือสวมหมวกรวมกัน

 

2. โรคเชื้อราที่ลำตัว แขน ขา (Tinea corporis)

โรคกลาก หรือ ขี้กลากคือ คำเรียกโรคนี้ที่คุณๆคุ้นเคยกันดี หากโรคนี้ไปเกิดที่อวัยวะเพศหรือขาหนีบมักจะเรียกว่า “สังคัง” นั่นเอง โรคนี้สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสกันหรือใช้เครื่องนุ่งห่มร่วมกัน

 

อาการของโรคเริ่มเป็นตุ่ม พอทิ้งไว้ไม่รักษา ผื่นจะขยายเป็นวงกลมคล้ายวงแหวน (ringworm) สี ผิวที่เป็นผื่นมักจะสีแดงหรือคล้ำ รอบๆวงแหวนจะมีขอบเขตที่ชัดเจนมาก อาจมีขุยเป็นผิวหนังขาวๆสะเก็ดลอกที่ขอบ ๆ ของวงแหวน เมื่อทิ้งไว้ผื่นวงแหวนสีแดงนี้ จะลุกลามขยายวงออกกว้างขึ้นได้เรื่อยๆและแตกออกเป็นหลายๆวงก็ได้ คนไข้จะมีมีอาการคันเป็นอย่างมาก ถ้าเหงื่อออกจะยิ่งคันมากขึ้น

 

3. โรคเชื้อราที่ขาหนีบ (Tinea cruris)

 

คุณๆเพื่อนผู้ชายที่อยู่หอพักร่วมกันคงมีโอกาสได้แบ่งปันประสบการณ์ “สังคัง” กัน มาบ้างแล้ว โดยเชื้อรามักเริ่มต้นเกิดได้ที่ ขาหนีบ ก้น หรืออวัยวะเพศ โดยจะเกิดเป็นตุ่มเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยขยายตัวเป็นผื่นสีแดงจัด และมีขอบเขตของวงผื่นชัดเจนมาก บางรายอาจมีสะเก็ดหรือขุยลอกเล็กน้อย ผื่นที่ลุกลามขยายออกไป ทำให้บริเวณตรงกลางผื่นเรียบยุบหายไป ส่วนผื่นสีแดงนี้ถ้าเป็นนานๆจะกลายเป็นมีสีน้ำตาลคล้ำเข้มขึ้นได้ การกระจายของผื่นวงแหวนนี้อาจเริ่มที่ตำแหน่งใดๆที่กล่าวมาแล้ว พอเชื้อลุกลามก็สามารถกระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้ทั่วไป

 

อาการ ที่เด่นชัดของโรคนี้ก็คือคนไข้จะมีอาการคันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน จะนอนไม่ค่อยหลับ เพราะจะยิ่งคันมาก ๆ เพราะเส้นใยที่เติบโตอย่างมากจากเชื้อราที่พื้นผิวหนังจะแทรกซอนชอนไชไปจน ถึงชั้นผิวหนังลึกๆที่มีปลายรับสัญญาณกระแสประสาท จึงทำให้มีอาการคันอย่างมากในที่สุด

 

บาง รายหากเกาอย่างแรงมากหรือไว้เล็บยาวอาจทำให้เกิดผิวหนังฉีกขาด เกิดเลือดไหลตามมาหรือเกิดการติดเชื้อตามมาในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ในรายที่ไว้เล็บยาวมากๆ การเกาจะทำให้เกิดการสะสมเชื้อราไปในซอกเล็บ พอไปเกาต่อที่ผิวหนังบริเวณใด ก็ทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคนี้ไปยังอวัยวะอื่นได้อีก

 

เชื้อ ราที่ขาหนีบมักพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะในคนอ้วนเพราะมักจะขี้ร้อน เหงื่อออกมาก นอกจากนี้ การสวมใส่เสื้อผ้าที่คับ ๆไม่มีอากาศถ่ายเทและอบชื้น เช่น การสวมกางเกงยีน จะยิ่งทำให้มีโอกาสเป็นเชื้อราเพิ่มมากขึ้น

 

4. โรคเชื้อราที่เล็บ (Tinea unguium)

 

มัก พบโรคนี้ได้ในคนที่มีอาชีพที่มือต้องเปียกชื้นตลอดเวลาเช่นแม่ค้าปอกผลไม้สด พนักงานล้างจาน สาเหตุเกิดจากเชื้อราได้ไปเกาะที่เล็บ ลักษณะของเล็บที่เป็นเชื้อราที่เคยเรียบนวลจะเปลี่ยนไปกลายเป็นเล็บหนาขึ้น ผิวเล็บมีรอยขุรขระ ใต้ฐานเล็บหนาขึ้น ถ้าเป็นมากๆเล็บมักจะเปลี่ยนรูปร่างไป ได้แก่ บิดเบี้ยวไม่ได้รูปทรงเดิม มีรอยหยักเป็นลูกคลื่น เล็บโค้งงอ เล็บกร่อน เล็บผุ ส่วนสีชมพูของเล็บปกติเมื่อติดเชื้อจะเปลี่ยนสีไป มีสีคล้ำ ดำ น้ำตาล เขียวคล้ำ

 

มัก ไม่มีอาการคันแต่อย่างใด อาจมีเจ็บหรือคันบ้างแต่น้อยมาก ผู้ป่วยมักรีบมาขอการรักษาเพราะอายและกังวลใจว่าเล็บไม่สวย จะเป็นที่น่ารังเกียจหรือหรือไม่สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้มากกว่า

 

5. โรคเชื้อราที่ใบหน้า (Tinea faceii)

 

หาก ท่านมีผ้าขนหนูติดเชื้อราเป็นจุดดำๆ แล้วมาเช็ดหน้าบ่อยๆ หรือใช้เล็บเกาที่ขาหนีบแล้วมาเกาที่ใบหน้า คุณมีโอกาสที่อาจเกิดโรคเชื้อราขึ้นที่ใบหน้าได้ ถ้าเป็นเชื้อราตระกูลเดียวกับเชื้อกลาก อาการเริ่มต้นจะเหมือนกับกลากที่ลำตัว คือ มีผื่นสีแดง รูปวงกลม วงแหวนแบบ ringworm มีขอบเขตชัดเจน มีขุยสะเก็ดลอก ที่บริเวณใบหน้า อาการคันไม่มากนัก

 

แต่ หากเป็นเชื้อราสายพันธุ์เกลื้อน อาการเริ่มต้นมักเป็นด่างขาววงเล็กๆ แล้วขยายวงใหญ่ขึ้นเป็นด่างขาวเต็มวง หรือมีหลายวงซ้อนๆกันอยู่ คนไข้มักไม่มีอาการคันแต่อย่างใด แต่มักจะอายมากกว่าเลยรีบมาขอการรักษา เราจะกลับมาเล่ารายละเอียดเรื่องกลากกับเกลื้อนอีกในบทความต่อๆไปนะครับ

 

6. โรคเชื้อราที่มือและเท้า (Tinea manum & Tinea pedis)

 

เชื้อรานี้มักจะเป็นตามหลังมือ ซอกนิ้วมือที่อับชื้น หากเกิดที่เท้า ซอกนิ้วเท้า ฝ่าเท้า จะเรียกว่า “น้ำกัดเท้า” หรือ “ฮ่องกงฟุต” ผื่นที่เกิดขึ้นแบ่งได้ 2 แบบ

 

1. ลักษณะแบบแห้ง ๆ ผื่นแดงเป็นวง มีขอบเขตชัดเจน มีสะเก็ดแห้ง ขุยลอก

 

2. ลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสแตกออก เป็นแบบแฉะ ๆ

 

ส่วน มากจะมีอาการคัน ถ้าเป็นอาการแบบที่สองมักเกิดขึ้นที่เท้า เนื่องจากสวมรองเท้าหุ้มข้อเป็นเวลานานๆ พอมีเหงื่อออกมากๆ จะหมักหมมจนมีเชื้อแบคทีเรียมาซ้ำเติม ทำให้เท้ามีกลิ่นเหม็นได้ในที่สุด

 

ตอน ต่อไป เมื่อเป็นโรคที่น่ารำคาญทั้งใจและกาย เราจะตามไปดูวิธีการตรวจ รักษาและการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้อีกครับ หากคุณๆอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโรคนี้ สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้จากเภสัชกรใจดีที่ร้านยาหรือที่โรงพยาบาลได้เลย ครับ พวกเราเภสัชกรยินดีและเต็มใจรับใช้พี่น้องครับ

 

แหล่งข้อมูล

 

www.doctorfungus.org, fungal diseases

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/DIVING/2009/02/24/entry-2

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

 

clinical practice guideline for superficial fungal infection

http://www.pha.nu.ac.th/apirukw/copy/uploads/EA5DF_ThaiGuideline_Superficial_Fungal_Infection_Upload2548.pdf

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11 วิธีป้องกันโรคเชื้อราเล็บเท้าได้แก่

 

 

 

(1). ทำให้เท้า และเล็บเท้าแห้งหลังอาบน้ำ > ใช้ผ้าซับหรือเป่าลม เช่น พัดลม ที่เป่าผม (ควรตั้งความร้อนให้ต่ำ หรือไม่ใช้ความร้อน เพื่อป้องกันผิวแห้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคันได้)

 

...

 

(2). ไม่เดิน เท้าเปล่าในห้องตู้ล็อคเกอร์ (locker rooms = ห้องเก็บของมีตู้ล็อคข้างสนามกีฬา-สระว่ายน้ำ), ห้องน้ำหรือสระว่ายน้ำที่มีคนใช้ร่วมกัน

 

(3). เลือกใช้ ถุงเท้าใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน ฯลฯ เนื่องจากแห้งเร็ว และถ้าเป็นไปได้... อาจเปลี่ยนถุงเท้าตอนเที่ยงวัน (ใช้วันละ 2 คู่ๆ ละครึ่งวัน)

 

...

 

(4). สวมใส่ รองเท้าที่มีรูระบายอากาศ หรือไม่ก็ใช้รองเท้าแตะที่ไม่หลวม (รองเท้าแตะหลวมทำให้เท้าต้องขยับตัวขึ้นลงมากขึ้น เกิดอาการเมื่อยขาหรือเอ็นอักเสบ เ่ช่น เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ฯลฯ ได้ง่ายขึ้น)

 

(5). สวมใส่ถุงเท้าขนาดพอดี... ถุงเท้าที่คับเกินไปทำให้นิ้วเท้าถูกบีบเข้ามาชิดติดกัน เกิดความชื้นสะสมได้ง่ายขึ้น

 

...

 

(6). อย่าแกะเนื้อข้างเล็บเ่ล่น... บาดแผลที่เล็บหรือเนื้อข้างเล็บทำให้เชื้อราเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น

 

(7). ใช้รองเท้า 2-3 คู่ หมุนเวียนผัดเปลี่ยนกัน เพื่อให้รองเท้าแห้งสนิทก่อนใช้งานครั้งต่อไป

 

...

 

(8). เก็บรองเท้าในที่อากาศถ่ายเทได้ดี หรือมีลมโกรก

 

(9). อาจใช้สเปรย์พ่นด้านในรองเท้า หรือโรยด้วยผงฆ่าเชื้อรา

 

...

 

(10). หลีกเลี่ยงการทำเล็บนอกบ้าน ยกเว้นมั่นใจจริงๆ ว่า ช่างทำเล็บและเครื่องมือสะอาดจริงๆ

 

(11). ถ้าเป็น เชื้อราที่เล็บ... ให้ปรึกษาหมอใกล้บ้าน, อย่าใช้น้ำยาทาเล็บ เนื่องจากจะเกิดการสะสมความชื้น ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีขึ้น

 

...

 

โรคเชื้อราที่พบบ่อยในไทย คือ โรคเชื้อราเนื้อเยื่อข้างเล็บ พบบ่อยในคนที่ทำงาน "เปียกๆ ชื้นๆ" เช่น ล้างจาน ซักผ้า ทำความสะอาด ฯลฯ

 

เนื้อเยื่อข้างเล็บบริเวณใกล้โคนเล็บที่ติดเชื้อรา ทำให้เล็บเสียรูป ขรุขระคล้ายลูกคลื่นได้, วิธีป้องกันที่สำคัญ คือ หลีกเลี่ยงความชื้นเช่นกัน

 

...

 

ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

 

 

 

http://health2u.exteen.com/20100610/entry

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เตือนช็อปเครื่องกันหนาวมือสองระวัง! โรคผิวหนัง !17 :unsure: :lol:

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤศจิกายน 2553 10:15 น.

 

553000017044101.JPEG

 

แนะคนชอบเครื่องกัน หนาวมือสอง ระวังกลาก เกลื้อน แนะซักและต้มก่อนใช้ ส่วนนักท่องป่าหน้าหนาวที่นิยมนอนเต็นท์ หรือจัดแคมป์ไฟ ระวังโรคสครับไทฟัสจากตัวไรอ่อนกัดในร่มผ้า-พร้อมระวังไข้ป่า อันตรายถึงตาย เผยขณะนี้ทั้ง 2 พบตายแล้ว 41 ราย

 

ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ขอให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ ผู้ที่นิยมเครื่องกันหนาวมือสอง เช่น เสื้อผ้า อาจจะมีความเสี่ยงติดเชื้อที่มากับเสื้อผ้ามือสอง ทั้งจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคกลาก เกลื้อน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ก่อนนำมาใช้ ต้องซักและต้มในน้ำเดือดนาน 15-30 นาที เพราะการซักธรรมดาอย่างเดียวหรือตากแดดจัดๆ เป็นเวลานาน ไม่สามารถฆ่าเชื้อเหล่านี้ได้หมด

 

ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงหน้าหนาว ซึ่งอากาศเย็น ฟ้าโปร่ง มักจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นิยมไปเที่ยวป่า เดินป่า กางเต็นท์นอนตามป่า หรือนอนดูดาวในหน้าหนาว โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาในภาคเหนือ ขอให้ระมัดระวังตนเอง เนื่องจากในป่าจะมีตัวไรอ่อน เป็นพาหะนำโรคสครับไทฟัส และมีโรคไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรีย ซึ่งเกิดจากยุงก้นปล่องกัด ยุงชนิดนี้อยู่ในป่า ออกหากินเวลากลางคืนอยู่แล้ว ทั้ง 2 โรคนี้มีอันตรายทำให้เสียชีวิต ไม่มียากินป้องกัน และไม่มีวัคซีนป้องกันโรค

 

ในการป้องกันไม่ให้ไรอ่อนกัด ผู้ที่จะไปเดินป่า กางเต๊นท์นอนในป่า ควรใส่รองเท้า ถุงเท้า ที่หุ้มปลายขากางเกงไว้ ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ และเหน็บปลายเสื้อเข้าในกางเกง ใช้ยาทากันแมลงกัด ส่วนการเลือกที่ตั้งค่ายพักในป่า ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือหญ้าขึ้นรก เมื่อกลับมาถึงที่พัก ต้องรีบนำเสื้อผ้าไปต้ม หรือแช่ผงซักฟอกทันที เพื่อทำลายไรอ่อนที่อาจติดมากับเสื้อผ้าได้ ผู้ที่จะนอนแคมป์ตามป่าเขา ควรเตรียมมุ้งหรือเต้นท์ชนิดที่มีตาข่ายกันยุงได้ และทายากันยุง หรือยาทาไล่ยุงป้องกันยุงกัด ในการทายากันยุงต้องใช้ทาบริเวณที่มีโอกาสจะถูกยุงกัด ได้แก่ แขน ขา ใบหู หลังคอ และส่วนที่อยู่นอกเสื้อผ้า

 

ด้าน นพ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรคกล่าวว่า จากรายงาน โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศในปี 2553 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงตุลาคม 2553 พบมีผู้ป่วยจาก 2 โรคนี้แล้ว 27,659 ราย เสียชีวิต 41 ราย ประกอบด้วย โรคสครับไทฟัส 5,550 ราย เสียชีวิต 9 ราย และโรคมาลาเรียพบผู้ป่วย 22,109 รายเสียชีวิต 32 ราย

 

นพ.วิชัย กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคสครับไทฟัสพบมากที่สุดในภาคเหนือ 3,267 ราย คือ จังหวัดน่าน 636 ราย ตาก 568 ราย รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,427 ราย มากสุดที่ จ.ขอนแก่น 205 ราย นครราชสีมา 202 ราย ส่วนภาคใต้พบ 725 ราย และภาคกลางพบ 131 ราย สำหรับโรคมาลาเรียพบมากที่สุด ที่ภาคเหนือ 8,823 ราย ภาคใต้ 8,532 ราย ภาคกลาง 3,984 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 770 ราย จังหวัดที่พบมากที่สุด ได้แก่ ตาก 7,157 ราย ชุมพร 2,177 ราย ยะลา 1,834 ราย

ทั้งนี้ โรคสครัปไทฟัส เกิดจากตัวไรอ่อน (Chigger) กัด ซึ่งในตัวไรอ่อนจะมีเชื้อริกเกทเซีย (Rickettsia orientalis) เชื้อชนิดนี้อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารของไรหลายชนิด เมื่อไรแก่ จะออกไข่ไว้บนดินและไข่ฟักเป็นตัว มักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ และกินน้ำเหลืองของสัตว์เลือดอุ่น เช่น นก หนู สัตว์เลื้อยคลาน และคนที่เดินผ่านบริเวณที่ไรอ่อนอยู่ โดยไรอ่อนมักอยู่ตามทุ่งหญ้า พุ่มไม้เตี้ยๆ หรือพื้นที่ป่าละเมาะรวมทั้งพื้นที่ที่เป็นป่าทึบ ตัวไรอ่อนมีขนาดเท่าปลายเข็มหมุด มองเห็นได้ ตัวจะมีสีส้มอมแดง โดยไรอ่อนชอบกัดบริเวณร่มผ้า ได้แก่ที่อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัว รักแร้และคอ หลังถูกไรอ่อนกัด จะมีแผลไหม้ (Eschar) คล้ายกับโดนบุหรี่จี้ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือตรงกลางเป็นสะเก็ดสีดำ และรอบๆ แผลจะแดง หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามตัว ตาแดง อาจมีอาการทางปอดและสมองได้ ควรรีบไปพบแพทย์ หากรักษาไม่ทันอาจทำให้เสียชีวิตได้ และต้องแจ้งประวัติการไปเที่ยวป่าให้แพทย์ทราบด้วย

 

สำหรับโรคมาลาเรีย มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ เกิด จากเชื้อพลาสโมเดียม (Plasmodium) มี 5 ชนิด ที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นชนิดพี.ฟัลซิพารัม ( P.falciparum) ซึ่งเป็นชนิดที่รุนแรง และ พี.ไวแว็ก (P.vivax ) มีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน อาการป่วยคือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ พบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี ทุกกลุ่มอายุ โดยพบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 10-35 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า เชื้อทั้ง 2 ชนิดจะมีลักษณะของอาการไข้ต่างกัน หากเป็นเชื้อฟัลซิปารัม จะจับไข้ทุก 36-48 ชั่วโมง หรือทุกวันก็ได้ และอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เหลืองซีด ปัสสาวะสีดำ ไตล้มเหลว ปอดบวมน้ำ ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ส่วนเชื้อไวแว็กซ์ จับไข้ทุก 48 ชั่วโมง หรือจับไข้วันเว้นวัน หากหลังเข้าป่าประมาณ 10-14 วันและมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ขอให้รีบพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเข้าป่าให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้การรักษาที่รวดเร็ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า

 

โดยเภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล

 

mar.jpg

 

คุณเอื้อง แอร์สาวสวยกับคุณเอ็ด สจ๊วตหนุ่มรูปหล่อของการบินเจ้าจำปีของเรา แวะมาที่ร้าน คนหลังนำแขนสองข้างที่เหวอะไปด้วยรอยแผลมากมายมาโชว์ ที่เจ้าตัวบอกว่าไปปล้ำกะแมวที่บ้านมา มีคำถามว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าหรือไม่ เลยนำความรู้เรื่องนี้มาแบ่งปันให้เจ้าตัวได้อุ่นใจและเพื่อนๆได้รับทราบกัน ไว้

 

รู้จักโรคพิษสุนัขบ้ากันก่อน

 

ในแต่ละปี บ้านเราจะมีจำนวนผู้ป่วยที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทยบ้านเราประมาณ 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกสัตว์เลี้ยง เช่นสุนัขและแมวกัด และถูกกัดบริเวณใบหน้าได้บ่อย จึงมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าผู้ใหญ่

 

ผู้ ป่วยที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะมีประวัติถูกสัตว์กัดในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ผู้ป่วยจะแสดงอาการมีไข้ ปวดศีรษะ มีอาการทางระบบประสาทซึ่งอาจเป็นชนิดดุร้ายหรือชนิดอัมพาต มักมีอาการกลัวน้ำและกลัวลมร่วมด้วย โรคนี้ไม่มีทางรักษา ผู้ป่วยทุกรายจะเสียชีวิต

 

วัคซีนกันพิษสุนัขบ้า

 

ปัจจุบันเรามีวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าใช้กันอยู่มีหลายชนิด ซึ่งเป็นวัคซีนเซลล์เพาะเลี้ยงและวัคซีนไข่เป็ดฟักบริสุทธิ์ เมื่อฉีดเข้าร่างกายเราจะกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันได้ดีและมีความปลอดภัย มากกว่าวัคซีนที่ทำจากสมองสัตว์ที่เคยใช้กันอยู่แต่ได้ยกเลิกการใช้แล้ว ส่วนอิมมูโนโกลบูลินสำหรับป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามีสองชนิดคือ ชนิดที่ผลิตจากม้าและชนิดที่ผลิตจากคน ทั้งคู่เป็นยาฉีดเพื่อป้องกันการลุกลามของโรคนี้ที่มีการใช้แตกต่างกัน

 

คน ที่เสี่ยงหรือโอกาสสูงที่จะถูกสัตว์กัด หรือทำงานใกล้กับสัตว์ ได้แก่ สัตวแพทย์ บุรุษไปรษณีย์ หรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า เรามักแนะนำให้ฉีดวัคซีนก่อนสัมผัสสัตว์หรือก่อนถูกสัตว์กัด สำหรับลูกของเราเองที่ชอบไปจับสัตว์เล่น โดยเฉพาะในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ก้ออาจพิจารณาให้การฉีดวัคซีนก่อนก็ได้

 

วัคซีนที่ว่านี้จะให้โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือในผิวหนังจำนวนสามครั้งในวันที่ 0, 7, 21 หรือ 28 การให้วัคซีนวิธีนี้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและมีความปลอดภัย

 

ส่วน การฉีดวัคซีนหลังสัมผัสสัตว์หรือหลังถูกสัตว์กัดแล้ว และหากผู้นั้นไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน มีหลายสูตรซึ่งมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน สูตรที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยคือ การฉีดเข้ากล้ามเนื้อหัวไหล่ เราไม่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกเนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจไม่ดี หรือฉีดเข้าในผิวหนังจำนวนห้าครั้งในวันที่ 0, 3, 7, 14 และ 28 หรือ 30 และอาจต้องฉีดอิมมูโนโกลบุลินร่วมด้วยกรณีแผลมีเลือดออก สำหรับ การฉีดวัคซีนในกรณีที่เคยรับวัคซีนมาก่อนแล้วมาสัมผัสหรือถูกสัตว์กัด แนะนำให้ฉีดวัคซีน 1-2 ครั้งในวันที่ 0 และ 3 โดยอาจฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือฉีดเข้าในผิวหนัง โดยไม่จำเป็นต้องฉีดอิมมูโนโกลบุลิน

 

อิมมูโนโกลบุลินกันพิษสุนัขบ้

 

ส่วน การฉีดอิมมูโนโกลบุลินเพื่อเพิ่มภูมิสู้พิษสุนัขบ้าอย่างรวดเร็วนั้น เรามักให้ฉีดรอบแผลให้มากที่สุดและครบทุกแผล ที่เหลือฉีดเข้ากล้ามเนื้อคนละด้านกับวัคซีน การใช้อิมมูโนโกลบุลินที่ทำจากม้าควรทำการทดสอบทางผิวหนังก่อนจนแน่ใจว่าจะ ไม่เกิดอาการแพ้ชนิดรุนแรง นอกจากการป้องกันด้วยวัคซีนและอิมมูโนโกลบุลินแล้ว การทำความสะอาดแผลนับวามีความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อด้วยเช่นกัน และผู้ที่ถูกสัตว์กัดยังมีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อบาดทะยักและติดเชื้อ แบคทีเรียอื่นๆ ซึ่งปนเปื้อนในน้ำลายสัตว์ จึงควรได้รับการดูแลอย่างครบถ้วน

 

ผลข้างเคียงของวัคซีนพิษสุนัขบ้า

 

อาการ ข้างเคียงของวัคซีนพิษสุนัขบ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะมีเพียงเล็กน้อย ไม่รุนแรงเหมือนวัคซีนที่ทำจากสมองสัตว์ อาการเฉพาะที่คือ อาการบวม เจ็บ คัน และอาการทั่วไปคือ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ และ serum sickness อาการ แพ้รุนแรงพบได้น้อยมากและอาจไม่ได้เกิดจากวัคซีนโดย ผลข้างเคียงมักพบเพิ่มขึ้นในเข็มต่อๆมาในการฉีดกระตุ้น และการฉีดเข้าในผิวหนังมีผลข้างเคียงเฉพาะที่มากกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ

 

เมื่อใดเราจะให้วัคซีนและอิมมูโนโกลบุลิน

 

การ ให้วัคซีนและอิมมูโนโกลบุลินทั้งคู่ มักจะในผู้ที่สัมผัสสัตว์ซึ่งไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้ามาก่อน ขึ้นอยู่กับลักษณะของการสัมผัส โดยต้องฉีดทันที และอาจหยุดฉีดได้หากมั่นใจว่าสัตว์ไม่ได้ติดเชื้อ ซึ่งจะรู้ได้โดยการเฝ้ารอเพื่อดูอาการของสัตว์ และคุณต้องมั่นใจว่าสัตว์นั้นมีโอกาสเป็นโรคน้อยมาก โดยดูว่าสัตว์ยังแข็งแรงดี เลี้ยงไว้ในบ้านและไม่มีโอกาสสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า หรือเป็นสัตว์ได้รับวัคซีนต่อเนื่องอย่างน้อยสองปี ให้เฝ้าดูอาการเขาได้นานถึง 10 วัน แต่ระหว่างนั้น หากสัตว์ที่เฝ้าดูอาการมีความผิดปกติ จะต้องฉีดวัคซีนและอิมมูโนโกลบุลินทันที

 

สุดท้าย เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้าในผู้ป่วยบางรายมีระยะฟักตัวนาน ดังนั้นผู้สัมผัสเชื้อพิษสุนัขบ้าและมารับรู้ได้ภายหลัง ยังไงก็จำเป็นต้องได้รับวัคซีน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม

 

กลับมาที่รายคุณพี่เอ็ดที่ใจดีกับเพื่อนแมว เนื่องจากโรคนี้หากมีการติดเชื้อแล้วมีอัตราการตายทุกราย จึงไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีน โรงพยาบาลอาจใจดีให้ฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อนก็ได้ หากใน 10 วันครบตามกำหนดแล้วเจ้า corn flex แมว จิ้กโก๋ยังมีชีวิตอยู่ การได้รับวัคซีนตามลำดับที่เหลือก็สามารถหยุดได้ โดยที่เจ้าตัวเองยังคงมีภูมิต้านทานได้อีก 1 ปี แต่อย่าลืมดูแลอาการแผลจากรอยเขี้ยวและเล็บของเขาด้วยนะครับ

 

244554lqb5be0b16.gif

 

ขอบคุณ ข้อมูล..

 

http://www.oknation.net/blog/DIVING/2010/11/14/entry-1

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การออกกำลังสมองหรือการบริหารสมองดังวิธีต่อไปนี้ สามารถช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพความจำได้

 

วิธีเสริมความจำ

 

1. ถ้าต้องการเพิ่มวงจรใหม่ในสมอง ใช้ มือข้างที่ไม่ถนัดทำกิจกรรมประจำวัน วันละหลายๆครั้ง เช่น ปรกติแปรงฟันด้วยมือขวา ก็เปลี่ยนมาใช้มือซ้าย หรือ รูดซิปด้วยมือซ้ายก็เปลี่ยนมาใช้มือขวาแทน สมองจะรู้ว่าคุณใช้มือผิดข้างเนื่องจากข้อมูลทางประสาทและการเคลื่อนไหวจากมือข้างนั้น ความสับสนเช่นนี้จะกระตุ้นให้เกิดวงจรใหม่ในสมอง เพราะสมองพยายามที่จะจัดการกับกิจกรรมใหม่ตามข้อมูลที่ได้มา (ใช้วิธีนี้กับกิจกรรมที่ง่ายๆและไม่เป็นอันตรายเท่านั้น)

 

2.เมื่อพยายามจำข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง ให้เชื่อมโยงกับสิ่งที่จะช่วยทำให้คุณจำได้ง่าย อาจเป็นวลี สูตร หรือคำคล้องจอง เช่น ถ้าอยากจะจำพยัญชนะอักษรกลาง อาจจะจำว่า “ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง” ก็ได้

 

3.เทคนิคช่วยจำอีกอย่างหนึ่ง การผูกเป็นเรื่องสั้นๆยิ่งสนุกสนาน ยิ่งเหลือเชื่อก็ยิ่งดี สมมติว่า ต้องไปธนาคาร ห้องสมุด ร้านขายเนื้อ และแวะบ้านเพื่อนที่ชื่อบ๊อบเพื่อคืนหนังสือ อาจจะแต่งเรื่องว่า “เจ้าบิ๊กบ๊อบ คนขายเนื้อใช้ปืนปล้นธนาคารแล้วหนีไปซ่อนตัวในห้องสมุด”

Brain GYM หรือ การบริหารสมอง การบริหารสมองนั้นแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มท่า คือ

 

1. :blink: การเคลื่อนไหวสลับข้าง (Cross Over Movement)

 

เป็นท่าที่ช่วยให้การทำงานของสมองสองซีกถ่ายโยงข้อมูลกันได้ เช่น สมองซีกซ้ายสามารถนำจินตนา การ และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จาก สมองซีกขวามาใช้ช่วยในการอ่าน เขียน และช่วยให้กล้ามเนื้อ ทำงานประสานกันได้ดี การให้เด็กทำท่าเหล่านี้ จะทำให้ทราบว่าเด็กมีปัญหาในเรื่องการทำงาน ประสานกันของตา มือ และเท้าหรือไม่ หากพบจะได้ช่วยเหลือเด็กได้ทันท่วงที

 

1.1 ยกขาขวางอให้ตั้งฉากกับพื้นพร้อมกับยื่นแขนทั้งสองออกไปด้านหน้า คว่ำมือลงขนานกับพื้น แกว่งแขนทั้งสองไปด้านข้างลำตัว ตรงข้ามกับขาที่ยกขึ้น แกว่งแขนทั้งสองกลับมาอยู่ที่ด้านหน้า พร้อมกับวางเท้าขวาไว้ที่เดิม เอามือลง เปลี่ยนขา ทำเช่นเดียวกัน

 

1.2 ก้าวเท้าขวาวางหน้าเท้าซ้าย พร้อมกับยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า มือคว่ำลงขนานกับพื้น แกว่งแขนทั้งสองไปด้านข้างลำตัว ตรงข้ามกับขาที่ก้าวออกไป แกว่งแขนทั้งสองข้างกลับมาอยู่ด้านหน้า พร้อมกับชักเท้าขวาวางที่เดิม เอามือลง เปลี่ยนเท้าทำเช่นเดียวกัน

 

1.3 ยกขาขวางอไปด้านหลัง พร้อมกับยื่นแขนทั้งสองออกไปด้านหน้า มือคว่ำลง แกว่งแขนทั้งสองไปด้านข้างลำตัวตรงข้ามกับขาที่ยกขึ้น ให้มือซ้ายแตะส้นเท้าขวา แกว่งแขนทั้งสองกลับมาอยู่ด้านหน้า พร้อมกับวางเท้าขวาไว้ที่เดิม เอามือลง เปลี่ยนขา ทำซ้ำเช่นเดียวกัน

 

1.4 วิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่ช้าๆ

 

1.5 นั่งชันเข่า มือสองข้างประสานกันที่ท้ายทอย เอียงข้อศอกซ้ายแตะที่หัวเข่าขวา ยกข้อศอกซ้ายกลับไปที่เดิม เปลี่ยนเป็นเอียงข้อศอกขวา ทำเช่นเดียวกัน

 

1.6 กำมือซ้ายขวาไขว้กันระดับหน้าอก กางแขนทั้งสองข้างออกห่างกันเป็นวงกลมแล้วเอามือกลับมาไขว้กันเหมือนเดิม

 

1.7 กำมือสองข้าง ยื่นแขนตรงไปข้างหน้า ให้แขนคู่กัน เคลื่อนแขนทั้งสองข้างพร้อมๆกัน หมุนเป็นวงกลมสองวงต่อกันคล้ายเลข 8ในแนวนอน

 

1.8 ยื่นแขนขวาออกไปข้างหน้า กำมือชูนิ้วโป่งขึ้น ตามองที่นิ้วโป่ง ศีรษะตรงและนิ่ง หมุนแขนเป็นวงกลม 2 วงต่อกันคล้ายเลข 8 ในแนวนอน ขณะหมุนแขนตามองที่นิ้วโป้งตลอดเวลา เปลี่ยนแขน ทำเช่นเดียวกัน

 

2. ;) การยืดส่วนต่างๆของร่างกาย (Lengthening Movement)

 

เป็นท่าที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของสมองส่วนหน้าและส่วนหลัง ทำให้มีสมาธิในการเรียนรู้และการทำงาน

 

2.1 ยืนหันหน้าเข้าผนัง เว้นระยะห่างเล็กน้อย ยกมือสองข้างดันฝาผนัง งอขาขวา ขาซ้ายยืดตรง ยกส้นเท้าขึ้น เอนตัวไปข้างหน้า เล็กน้อย พร้อมกับหายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ วางส้นเท้าลง ตัวตรงหายใจออกช้าๆ งอขาซ้าย ทำเหมือนขาขวา

 

2.2 ยืนไขว้ขาทั้งสองข้าง ยื่นทรงตัวให้ดี หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ ก้มตัวลงไขว้แขน หายใจออกช้าๆ ยืดตัวขึ้น เปลี่ยนขาทำเช่นเดียวกัน

 

2.3 นั่งไขว่ห้าง กระดกปลายเท้าขึ้น-ลง พร้อมกับนวดขาช่วงหัวเข่าถึงข้อเท้า เปลี่ยนขาทำเช่นเดียวกัน

 

2.4 มือขวาจับไหล่ซ้าย พร้อมกับหายใจเข้าช้าๆ ตามองมือขวา ดึงหัวไหลเข้าหาตัว พร้อมกับหันหน้าไปทางขวา ทำเสียง “อู” ยาวๆ เปลี่ยนมือทำเช่นเดียวกัน

 

2.5 ใช้มือทั้งสองข้างทำท่ารูดซิปขึ้น (สุดแขนด้านล่าง แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ) หายใจเข้าช้าๆ ทำท่ารูดซิปลง หายใจออกข้าๆ

 

3. :huh: การเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้น (Energizing Movement)

 

เป็นท่าที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระแสประสาท ทำให้เกิดการกระตุ้นความรู้สึกทางอารมณ์ เกิดแรงจูงใจเพื่อช่วยให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น

 

 

3.1 ใช้นิ้วชี้นวดขมับเบาๆ ทั้งสองข้างวนเป็นวงกลม

 

3.2 จุดตำแหน่งต่างๆ ในร่างกายที่จะกระตุ้นการทำงานของสมอง

 

3.2.1 ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้วางบริเวณกระดูกคอ ลูบเบาๆ อีกมือวางที่ตำแหน่งสะดือ กวาดตามองจากซ้ายไปขวา และจากพื้น ขึ้นเพดาน เปลี่ยนมือทำเช่นเดียวกัน

 

3.2.2 ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะเหนือริมฝีปาก อีกมือวางที่ตำแหน่งกระดูกก้นกบ กวาดตามองจากพื้นขึ้นเพดาน หายใจเข้า-ออกช้าๆ ลึกๆ เปลี่ยนมือทำเช่นเดียวกัน

 

3.2.3 ใช้มือนวดกระดูกหลังใบหูเบาๆ อีกมือวางที่ตำแหน่งสะดือ ตามองตรงไปข้างหน้าไกลๆ จินตนาการวาดรูปวงกลมด้วยจมูก เปลี่ยนมือ ทำเช่นเดียวกัน

 

3.2.4 ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางวางที่ใต้คาง อีกมืออยู่ที่ตำแหน่งสะดือ หายใจเข้า-ออก ช้าๆ ลึกๆ สายตามองจากไกลเข้ามาใกล้ เปลี่ยนมือทำเช่นเดียวกัน

 

3.3 นวดใบหูด้านนอกเบาๆ ทั้งสองข้าง แล้วใช้มือปิดหูเบาๆ ทำช้าๆ หลายๆครั้ง ควรทำท่านี้ก่อนอ่านหนังสือ

 

3.4 ใช้มือทั้งสองเคาะที่ตำแหน่งกระดูกหน้าอก โดยสลับมือกันเคาะเบาๆ

 

4. :) ท่าบริหารร่างกายง่ายๆ (Useful)

 

 

4.1 นั่งบนเก้าอี้ ยกเท้าขวาขึ้นพาดบนขาซ้าย มือกุมฝ่าเท้าขวา หายใจเข้า ออกช้าๆ ลึกๆ 1 นาที แล้ววางเท้าลงบนพื้นเหมือนเดิม ให้เท้า ทั้งสองข้างแตะพื้น กำมือเข้าด้วยกัน แล้วใช้ปลายลิ้นกดที่ฐานฟันล่างประมาณ 1 นาที จะเป็นท่าทีมีประสิทธิภาพสูงมาก ช่วยลดความเครียด ความอึดอัด และความคับข้องใจ เปลี่ยนขา ทำซ้ำเช่นเดียวกัน

 

4.2 กำมือทั้งสองข้าง ยกขึ้นไขว้กันระดับตา ตามองมือที่อยู่ด้านนอก เปลี่ยนมือทำเช่นเดียวกัน

4.3 วางมือซ้อนกันที่ด้านหน้า หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ คว่ำมือลง หายใจออกช้าๆ แล้ววาดมือออกเป็นวงกลม วางมือ ไว้ที่เดิม

 

4.4 ใช้มือทั้งสองปิดตาที่ลืมอยู่เบาๆ ให้สนิท จนมองเห็นเป็นสีดำมืดสนิทสักพัก แล้วค่อยๆเอามือออก เริ่มปิดตาใหม่ ควรจะทำ ก่อนอ่านหนังสือ

 

4.5 ใช้นิ้วมือทั้งสองข้างเคาะเบาๆทั่วศีรษะ จากกลางศีรษะออกมา ด้านขวาและซ้ายพร้อมๆกัน

เกิดอะไรขึ้นหลังบริหารสมอง(Brain GYM)

 

หลังจากบริหารสมองอย่างต่อเนื่องจะพบว่าร่างกายสดชื้นขึ้น ทำให้สมองส่วน (Corpus Callosum) มีความแข็งแรงและเชื่อมสมองทั้งสองซีกให้ทำงานประสานกันอย่างคล่องแคล่วขึ้น เมื่อสมองเกิดการตื่นตัว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ การมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อน ไหว ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความตื่นเต้น และทำให้จิตใจสงบ เกิดความพร้อมที่จะเรียนรู้ เกิดแรงจูงใจ ทั้งยังช่วยเพิ่มความจำระยะสั้นและระยะยาว

 

นางวิภา กมลพันธ์ ครูโรงเรียนวัดไผ่ตัน นำการบริหารสมองไปใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กนักเรียนชั้น ป. 1 ที่เรียนซ้ำชั้น ที่มีปัญหาแตกต่างกันไป อาทิ ไม่ตั้งใจเรียน ไม่มีสมาธิในการเรียนและการทำงาน นอกจากนี้บางคนยังมีพฤติกรรมชอบแกล้งเพื่อน เฉื่อยชา บางคนเรียนรู้ได้ช้าไม่ทันเพื่อน แต่หลังจากให้เด็กกลุ่มนี้ทำการบริหารสมองเป็นประจำทุกวัน วันละ 30 นาที ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ปรากฏว่าปัญหาต่างๆลดลง เด็กนักเรียนแต่ละคนมีพัฒนาการเรียนรู้ในทางที่ดีขึ้น อาจมากน้อยแตกต่างกันออกไป

 

สมองเป็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ครูไม่อาจรู้ได้ว่าเด็กคนไหนมีสมองส่วนใดบกพร่องไปบ้าง การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับสมองของพวกเขาแต่เนิ่นๆ ด้วยการบริหารสมอง ซึ้งทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วยแก้ไขความบกพร่องของเด็กในรายที่มีปัญหา และยังเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ให้กับเด็กปกติรายอื่นๆ อีกด้วย

ข้อควรรู้ก่อนบริหารสมอง

1. ควรทำการบริหารสมองท่าต่างๆ ซ้ำประมาณ 4- 6 ครั้งเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

2. ขณะทำการบริหาร ควรหายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ แล้วหายใจออกช้าๆ อย่ากลั้นลมหายใจ

3. ไม่ควรรับประทานอาหารจนอิ่ม หรือรู้สึกหิวเกินไป

4. ไม่ควรบริหารสมองหลักจากดื่มแอลกอฮอล์

5. ดื่มน้ำบริสุทธิ์อย่างน้อยวันละ 12 แก้วขึ้นไป เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่สูญเสียน้ำได้รวดเร็วมาก เมื่อสมองขาดน้ำจำทำให้สมองตื้อ

 

การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับสมองของเด็กด้วยการบริหารสมอง ทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วยเพิ่มทักษะทางกายและทางสมองให้กับเด็ก และยังเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ โดยหลังจากบริหารสมองอย่างต่อเนื่อง จะพบว่า ร่างกายสดชื่นขึ้น ทำให้ตัวเชื่อมสมองส่วนซ้ายและขวา (Corpus Callosum) มีความแข็งแรง และเชื่อมสมองทั้งสองซีกให้ทำงานประสานกันอย่างคล่องแคล่วขึ้น เมื่อสมองเกิดการตื่นตัว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ การมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความตื่นเต้น และทำให้จิตใจสงบ เกิดความพร้อมที่จะเรียนรู้

การบริหารสมองแบ่งได้ 4 แบบคือ:

 

:rolleyes: การเคลื่อนไหวสลับข้าง (Cross over Movement)

 

:mellow: การยืดส่วนต่างๆของร่างกาย (Lengthening Movement)

 

:blink: การเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้น (Energizing Movement)

 

:blush: ท่าบริหารร่างกายง่ายๆ (Useful)

 

การบริหารสมองนั้น มีท่าทางต่างๆดังนี้:

 

1. ยกขาขวางอให้ตั้งฉากกับพื้น พร้อมกับยื่นแขนทั้งสองออกไปด้านหน้า คว่ำมือลงขนานกับพื้น แกว่งแขนทั้งสองไปด้านข้างลำตัว

 

2. ตรงข้ามกับขาที่ยกขึ้น แกว่งแขนทั้งสองกลับมาอยู่ด้านหน้า พร้อมกับวางเท้าขวาไว้ที่เดิม เอามือลง เปลี่ยนขา ทำเช่นเดียวกัน

 

01.jpg

 

3. ก้าวเท้าขวาวางหน้าเท้าซ้าย พร้อมกับยื่นแขนทั้งสองออกไปด้านหน้า มือคว่ำลงขนานกับพื้น แกว่งแขนไปด้านข้างลำตัวตรงข้ามกับขาที่ก้าวออกไป แกว่งแขนทั้งสองข้างกลับมาอยู่ด้านหน้า พร้อมกับชักเท้าขวาวางที่เดิม เอามือลง เปลี่ยนเท้า ทำเช่นเดียวกัน

 

4. วิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่ช้าๆ

 

02.jpg

 

5.นั่งชันเข่า มือสองข้างประสานกันที่ท้ายทอย เอียงข้อศอกซ้ายแตะที่หัวเข่าขวา

ยกข้อศอกซ้ายกลับไปที่เดิม เปลี่ยนเป็นเอียงข้อศอกขวา ทำเช่นเดียวกัน

 

6. กำมือซ้ายขวาไขว้กันระดับหน้าอก กางแขนทั้งสองข้างออกห่างกันเป็นวงกลม

แล้วเอามือกลับมาไขว้กันเหมือนเดิม

 

03.jpg

 

7. กำมือสองข้าง ยื่นแขนตรงไปข้างหน้า ให้แขนคู่กัน เคลื่อนแขนทั้งสองข้างพร้อมๆกัน

หมุนเป็นวงกลมสองวงต่อกัน คล้ายเลขแปดในแนวนอน

 

8. ยื่นแขนขวาออกไปข้างหน้า กำมือชูนิ้วโป้งขึ้น ตามองที่นิ้วโป้ง ศีรษะตรงและนิ่ง

หมุนแขนเป็นวงกลม 2 วงต่อกัน คล้ายเลขแปดในแนวนอน ขณะหมุนแขน ตามองที่นิ้วโป้งตลอดเวลา เปลี่ยนแขน ทำเช่นเดียวกัน

 

04.jpg

 

9. ยืนหันหน้าเข้าผนัง เว้นระยะห่างเล็กน้อย ยกมือสองข้างดันฝาผนัง

งอขาขวา ขาซ้ายยืดตรง ยกส้นเท้าขึ้น เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย

พร้อมกับหายใจเข้า ช้าๆ ลึกๆ วางส้นเท้าลง ตัวตรงหายใจออกช้าๆ

งอขาซ้าย ทำเหมือนขาขวา

 

05.jpg

 

จาก : นิตยสาร Premier Fashion. Issue.131, May - June 2008

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...