ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

สาระน่ารู้....สุขภาพ.....

โพสต์แนะนำ

3.เทคนิคช่วยจำอีกอย่างหนึ่ง การผูกเป็นเรื่องสั้นๆยิ่งสนุกสนาน ยิ่งเหลือเชื่อก็ยิ่งดี สมมติว่า ต้องไปธนาคาร ห้องสมุด ร้านขายเนื้อ และแวะบ้านเพื่อนที่ชื่อบ๊อบเพื่อคืนหนังสือ อาจจะแต่งเรื่องว่า “เจ้าบิ๊กบ๊อบ คนขายเนื้อใช้ปืนปล้นธนาคารแล้วหนีไปซ่อนตัวในห้องสมุด”

 

 

อิอิ ระวังจะเป็นอย่างเพื่อนผมนะครับ ตอนเรียน จำชื่อ hippocampus แทนด้วย hippopotamus

ปรากฏว่าตอนสอบเอ๋อเลย เพราะจำชื่อจริงไม่ได้ 555tongue.gif

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

-ขอบคุณ นะคะ คุณ itum และ คุณ morlek :rolleyes:

 

มดแดงเอารูปมาวางให้ดูค่ะ จะได้นึกภาพท่าทางออก เพราะเมื่อวานโพสจากข้อมูล ที่ download มาเป็นไฟล์ word document และไม่สามารถเซฟรูปมาที่เครื่องได้ ( ความสามารถไม่มี ) เช้านี้เลยเข้ามาหาข้อมูลไฟล์ภาพใน internet ก็โชคดี ได้ภาพที่มาจากข้อมูลที่เดียวกัน และได้ข้อมูลหลากหลายสำหรับ brain gym แล้วมดแดงจะทะยอยโพสให้อ่านนะคะ มันดีสำหรับเด็ก ออทิสติก และ ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสมองนะที่ ความสามารถบางอย่างลดลง ( ถ้าไม่เข้าใจผิด เพราะยังอ่านผ่านๆ แต่คิดว่าทำนองนั้น )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การบริหารสมอง(Brain Activation)

 

 

 

การบริหารสมอง (brain activation) หมายถึง การบริหารร่างกายในส่วนที่สมองควบคุมโดยเฉพาะ กล้ามเนื้อ corpus callosum ซึ่งเชื่อมสมอง ๒ ซีกเข้าด้วยกันให้ประสานกัน แข็งแรงและทำงานคล่องแคล่ว จะทำให้การถ่ายโยงข้อมูลและการเรียนรู้ของสมอง ๒ ซีกเป็นไปอย่างสมดุลเกิดประสิทธิภาพ และยังช่วยให้เกิดการผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้สภาพจิตใจเกิดความพร้อมที่จะเรียนรู้ เกิดความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีอารมณ์ขันเพราะคลื่นสมอง (brain wave) จะลดความเร็วลง คลื่นบีตา (beta) เป็นแอลฟา (alpha) ซึ่งเป็นสภาวะที่สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

๑. การบริหารปุ่มสมอง ปุ่มขมับ ปุ่มใบหู

 

►ปุ่มสมอง

 

ใช้มือซ้ายวางบริเวณใต้กระดูกคอและซี่โครงของกระดูกอก หรือที่เรียกว่าไหปลาร้า จะมีหลุมตื้นๆ บนผิวหนัง ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ คลำหาร่องหลุมตื้นๆ ๒ ช่องนี้ซึ่งห่างกัน

 

ประมาณ ๑ นิ้ว หรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับขนาดร่างกายของแต่ละคนที่มีขนาดไม่เท่ากัน ให้นวดบริเวณนี้ประมาณ ๓๐ วินาที และให้นำมือขวาวางไปที่ตำแหน่งสะดือ

 

ขณะที่นวดปุ่มสมองก็ให้กวาดตามองจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย และจากพื้นขึ้นเพดาน จากนั้นให้เปลี่ยนมือด้านขวาทำเช่นเดียวกัน

 

010-1.jpg

 

ประโยชน์ของการบริหารปุ่มสมอง

 

♦ เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองให้ดีขึ้น

 

♦ ช่วยสร้างให้ระบบการสื่อสารระหว่างสมอง ๒ ซีกที่เกี่ยวกับการพูด การอ่าน การเขียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

 

►ปุ่มขมับ

 

๑. ใช้นิ้วทั้ง ๒ ข้างนวดขมับเบาๆ วนเป็นวงกลม ประมาณ ๓๐ วินาที ถึง ๑ นาที

 

๒. กวาดตามองจากซ้ายไปขวา และจากพื้นมองขึ้นไปที่เพดาน

 

010-2.jpg

 

ประโยชน์ของการนวดปุ่มขมับ

 

♦ เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนการมองเห็นให้ทำงานดีขึ้น

 

♦ ทำให้การทำงานของสมองทั้ง ๒ ซีกสมดุลกัน

 

 

► ปุ่มใบหู

 

๑. ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับที่ส่วนบนสุดด้านนอกของใบหูทั้ง ๒ ข้าง

 

๒. นวดตามริมขอบนอกของใบหูทั้ง ๒ ข้างพร้อมๆ กัน ให้นวดไล่ลงมาจนถึงติ่งหูเบาๆ ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ควรทำท่านี้ก่อนอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มความจำและมีสมาธิมากขึ้น

 

010-3.jpg

 

 

ประโยชน์ของการกระตุ้นปุ่มใบหู

 

♦ เพื่อกระตุ้นหลอดเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงสมองส่วนการได้ยินและความจำระยะสั้นให้ดีขึ้น

 

♦ สามารถเพิ่มการรับฟังที่เป็นจังหวะได้ดีขึ้น

 

 

http://www.doctor.or.th/node/10955

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

๒. การเคลื่อนไหวสลับข้าง (cross crawl)

 

:D ท่าที่ ๑ นับ ๑-๑๐

 

Untitled-1_2.jpg

 

๑. ยกมือทั้ง ๒ ขึ้นมา

 

๒. มือขวา ชูนิ้วชี้ตั้งขึ้น นับ ๑ มือซ้าย ให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือขนานกับพื้น

 

๓. นับ ๒ ให้เปลี่ยนมาเป็นมือซ้ายชู ๒ นิ้ว คือ นิ้วชี้กับนิ้วกลาง ส่วนมือขวาก็ใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

๔. นับ ๓ ให้เปลี่ยนมาเป็นชูมือขวา ๓ นิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง มือซ้ายก็ให้นิ้วชี้และหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

Untitled-2_0.jpg

 

๕. นับ ๔ ให้เปลี่ยนมาเป็นชูมือซ้าย ๔ นิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ส่วนมือขวาก็ให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

๖. นับ ๕ ให้เปลี่ยนมาเป็นชูมือขวา ๕ นิ้ว คือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ส่วนมือซ้ายให้นิ้วชี้และหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

๗. นับ ๖ ให้เปลี่ยนมาเป็นชูมือซ้าย ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะที่นิ้วก้อย ส่วนมือขวาให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

Untitled-3%20copy.jpg

 

๘. นับ ๗ ให้เปลี่ยนมาเป็นชูมือขวา ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะที่นิ้วนาง ส่วนมือซ้ายให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

๙. นับ ๘ ให้เปลี่ยนมาเป็นชูมือซ้าย ใช้นิ้วหัวแม่มือ คือแตะที่นิ้วกลาง ส่วนมือขวาก็ให้นิ้วชี้และหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

๑๐. นับ ๙ ให้เปลี่ยนมาเป็นชูมือขวา ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะที่นิ้วชี้ ส่วนมือซ้ายให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

๑๑. นับ ๑๐ ให้เปลี่ยนมาเป็นกำมือซ้าย ส่วนมือขวาก็ให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือชี้ขนานกับพื้น

 

 

010-13.jpg

 

ประโยชน์ของการบริหารท่านับ ๑-๑๐

 

♦ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อมือให้ประสานกัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการนิ้วล็อก

 

♦ เพื่อกระตุ้นสมองที่มีการสั่งการให้เกิดความสมดุลทั้งซ้าย-ขวา

 

♦ เพื่อกระตุ้นความจำ

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไปอ่านเจอมาค่ะ เลยลองเก็บมาฝากค่ะ

 

“เมจิกสไมล์” นวัตกรรมเพื่อฟันขาว...สดใส

 

คุณ เป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่าที่อยากเปิดยิ้มได้อย่างเปิดเผย อวดฟันซี่สวย ขาว สะอาด สดใส- -คราวนี้คุณก็เป็นสาวมั่นที่มั่นใจได้เต็มที่แล้วล่ะ ด้วย เมจิกสไมล์

 

 

 

ผลิตภัณฑ์ เพื่อฟันขาวที่ถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมครั้งแรกโดยการพิสูจน์และวิจัยโดยทีม ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม ที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวของนวัตกรรมใหม่บลูไลท์เทคโนโลยีจากประเทศ ญี่ปุ่นกับเมจิกสไมล์เจลที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยให้ฟันขาวขึ้นอย่างง่ายดาย ลดขั้นตอนยุ่งยากโดยการแทรกซึมของแอ็คทีฟ ออกซิเจนมากกว่า 10 เท่า ช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นจากภายในอย่างชัดเจน และอ่อนโยน โดยไม่ทำลายเคลือบฟัน และไม่ก่อให้เกิดอาการเสียวฟัน อีกทั้งยังช่วยขจัดคราบพลัคและหินปูนได้อีกด้วย และที่สำคัญเพื่อเป็นการช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยากไม่ต้องเสียเวลาอีกต่อไป เสมือนยกห้องทันตกรรมมาไว้ที่บ้านนั่นเอง

บรรยากาศวันเปิดตัวแนะนำ เมจิกสไมล์ นวัตกรรมเพื่อคนรุ่นใหม่ งาน นี้ ลดา เพ็ญสิทธิพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส แอนด์ พี แลบบอราทอรี่ จำกัด แม่งานใหญ่จัดกิจกรรมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมมีผู้มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง นอกจากแหวนแหวน ปวริศา เพ็ญชาติ พรีเซ็นเตอร์ แล้ว ยังมี ชลรัศมี งาทวีสุข เป็นพิธีกรภายในงาน รวมทั้งสื่อมวลชนมาร่วมเป็นเกียรติและคนในวงการมาร่วมแสดงความยินดี ณ ห้องไวท์รูม โรงแรมแพนแปซิฟิก

 

 

เรา ได้ทำการคิดค้นและวิจัยร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม เพื่อให้เมจิกสไมล์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้ ฟันขาวสดใส สะดวก รวดเร็ว แต่กังวลกับเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเมจิกสไมล์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีการฟอกฟันขาวจากร้านทันตกรรม (แสงบลูไลท์) และเจลฟอกสีฟันเอกสิทธิ์เฉพาะ เมื่อนำมาใช้ควบคู่กันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนยุ่งยาก และเห็นผลชัดเจนภายในเวลา 14 วัน ซึ่งผู้บริโภคสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยใช้เวลาแค่เพียงครั้งละ 10 - 20 นาที และยังสามารถทำซ้ำได้โดยซื้อเฉพาะเมจิกสไมล์เจลที่มีจำหน่ายแยกต่างหาก ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

 

 

...เมจิกสไมล์ถือเป็น ผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มดารา นางแบบใช้กันมานานแล้วและเป็นที่นิยมมากขึ้นโดยอาศัยการบอกต่อ เราจึงตั้งใจขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปสู่คนทำงานทั่วไปมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มนักศึกษากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ โดยเน้นการสื่อสารและสร้างความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้า หมาย โดยมีพรีเซ็นเตอร์คือแหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ เซเลบและพิธีกรชื่อดัง เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ดูแลตัวเองให้ฟันขาว สดใส มั่นใจอยู่เสมอลดา เพ็ญสิทธิพร กล่าว

 

7C965E909BA9D8B2F6B15747FC97CF.jpg

 

แหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ พิธีกรสาวและเซเลบริตี้ชื่อดัง เผยเคล็ดลับฟันขาวสดใสว่า- -

 

เมจิกสไมล์ เป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดแล้วสำหรับแหวน เนื่องจากงานพิธีกร งานโชว์ตัวต่างๆ ทำให้แหวนต้องเดินทางบ่อยๆ แหวนไม่ค่อยมีเวลา อะไรก็ตามที่แหวนเลือกจะต้องสะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมจิกสไมล์ใช้แล้วเห็นผลได้อย่างชัดเจนว่าฟันขาว ขึ้นโดยไม่มีปัญหาเรื่องเสียวฟัน หรือเหงือกร่น อยากให้ลองค่ะ พรีเซ็นเตอร์สาวและเซเลบคนดังกล่าวทิ้งท้าย

 

เภสัชกร ณัฐภัทร ดวงจินา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันคนไทยหันมาฟอกสีฟันกันมากขึ้น แต่ข้อมูลสำคัญที่ผู้บริโภคควรรับทราบคือข้อจำกัดของการฟอกสีฟัน

 

 

คือ การฟอกสีฟันนั้นสีที่ขาวขึ้นจะขาวเฉพาะเนื้อฟันเท่านั้น ส่วนวัสดุเคลือบหรืออุดฟันจะไม่ขาวขึ้นตามสีเนื้อฟัน และการฟอกสีฟันจะสามารถคงทนได้นานประมาณหนึ่งปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริโภคและการดูแลรักษาหลังฟอกสีฟัน หากผู้บริโภคดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือสูบบุหรี่มากก็จะทำให้สีฟันกลับมาเหลืองเร็วขึ้นกว่าปกติ ฉะนั้นเราควรต้องดูแลป้องกันและพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำลายฟันของเรา เป็นอย่างดีและสม่ำเสมอ และหากใครที่อยากมีฟันขาวสดใสทันใจ แบบเห็นผลทันตา ด้วยขั้นตอนที่สะดวกรวดเร็ว เหมือนแหวนแหวนล่ะก็ อย่ารอช้า รีบยกโทรศัพท์ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ เมจิกสไมล์ เป็นการด่วนที่เมจิกสไมล์แคร์ไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 02 945 8511 รับรองได้ว่าทุกคำถามเรื่องฟันขาวสดใสมีคำตอบให้อย่างแน่นอน

 

 

http://go.microsoft.com/fwlink/?LinkId=30857&clcid=0x409

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทรงพระเจริญ

 

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริยญยิ่งยืนนาน

 

อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร์ของปวงชนชาวไทยตลอดไป

 

ขอให้พระองค์มีพลานามัยแข็งแรง

 

 

T221110_04P.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิจัยชี้ “ตะขบ” แคลเซียม-โพแทสเซียมสูง! ลดเสี่ยงมะเร็งลำไส้ ป่วยเบาหวานเลี่ยง “ลิ้นจี่-องุ่น”

 

 

553000018526601.JPEG

 

วิจัยพบ “ตะขบ” สุดยอดผลไม้ไทย! ประโยชน์เพียบ ใยอาหาร-แคลเซียม-โพแทสเซียม สูง ชี้ดูดซับคอเรสเตอรอลดี ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เส้นเลือดสมองแตก เตือนคนคุมน้ำหนัก ผู้ป่วยเบาหวานเลี่ยง “ลิ้นจี่-องุ่น” น้ำตาลมาก แนะกิน “มะพร้าวอ่อน-ลูกตาลอ่อน” แทน

 

นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่มวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ กองโภชนาการดำเนินการศึกษาวิจัย เรื่อง “ปริมาณใยอาหาร น้ำตาล และแร่ธาตุในผลไม้” โดยการเก็บตัวอย่างผลไม้จำนวน 30 ตัวอย่าง จากท้องตลาด 5 แห่งในเขต กทม.และปริมณฑล โดยเก็บตัวอย่างละ 2 กิโลกรัม มาวิเคราะห์ใน 2 ส่วน คือ 1.วิเคราะห์น้ำตาลและน้ำ 2.วิเคราะห์ใยอาหาร โปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุ ซึ่งจากผลการศึกษา พบว่า ผลไม้ในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 76-94 กรัม มีใยอาหาร 0.5-6.3 กรัม มีน้ำตาลรวม 3-18 กรัม และมีพลังงาน 33-97 กิโลแคลอรี ผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ได้แก่ ตะขบ 6.3 กรัม ฝรั่งแป้นสีทอง 3.3 กรัม ลูกหว้า 3.3 กรัม และฝรั่งกิมจู 3.1 กรัม ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ได้แก่ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม 18 กรัม องุ่นดำไร้เมล็ด (ลูกใหญ่) 15 กรัม ลิ้นจี่จักรพรรดิ 13 กรัม สละ 13 กรัม และองุ่นแดง (ลูกใหญ่) 13 กรัม และผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ได้แก่ เนื้อมะพร้าวอ่อน 3 กรัม ลูกหว้า 5 กรัม ลูกตาลอ่อน 5 กรัม ราสเบอร์รี 6 กรัม และแคนตาลูป (เขียว) 6 กรัม ผลไม้ส่วนใหญ่มีพลังงานน้อย เพราะมีน้ำเป็นองค์ประกอบค่อนข้างมาก จากการศึกษาครั้งนี้พบ ตะขบและมะม่วงเขียวเสวย (ดิบ) มีพลังงานมากกว่าผลไม้อื่นคือมี 97 และ 87 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม

 

นพ.สมยศ กล่าวอีกว่า สำหรับปริมาณแร่ธาตุ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ในผลไม้ 100 กรัม พบว่า มีโพแทสเซียม 106-773 มิลลิกรัม โซเดียม 0.7-19.8 มิลลิกรัม แคลเซียม 0.3-108 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 0-60.7 มิลลิกรัม

 

ผลไม้ที่มี โพแทสเซียมสูง ได้แก่ ตะขบ 773 มิลลิกรัม เชอรี่นอก 486 มิลลิกรัม เนื้อมะพร้าวอ่อน 381 มิลลิกรัม และน้ำมะพร้าวอ่อน 330 มิลลิกรัม

ส่วนผลไม้ที่มีโซเดียมสูง คือ ลูกท้อสด มีโซเดียม 19.8 มิลลิกรัม ราสเบอร์รี 16.7 มิลลิกรัม ตะขบ 12.8 มิลลิกรัม

ผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง คือ ตะขบ มีแคลเซียม 108 มิลลิกรัม

ผลไม้ที่มีฟอสฟอรัสสูง คือ ลูกหว้า มีฟอสฟอรัส 60.7 มิลลิกรัม ตะขบ 51.7 มิลลิกรัม

 

“จากการศึกษาครั้งนี้ พบ ตะขบ ฝรั่ง และ ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ส่วนผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก เช่น ลิ้นจี่ และ องุ่น อาจเป็นผลไม้ที่ควรระวัง หรือต้องห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน แต่แนะนำให้กิน เนื้อมะพร้าวอ่อน หรือ ลูกตาลอ่อน ทดแทนได้ เพราะมีน้ำตาลน้อย ส่วนผลไม้ที่มีโซเดียมน้อย จะเป็นผลดีต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ขณะที่ปริมาณโพแทสเซียมในผลไม้จัดเป็นแร่ธาตุหลักที่พบ ซึ่งหากมีมาก อาจช่วยป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังบางชนิดได้ รวมการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้เช่นกัน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลไม้ที่มี โพแทสเซียมสูง ได้แก่ ตะขบ 773 มิลลิกรัม เชอรี่นอก 486 มิลลิกรัม เนื้อมะพร้าวอ่อน 381 มิลลิกรัม และน้ำมะพร้าวอ่อน 330 มิลลิกรัม

 

 

ถ้าเป็นโรคไตก็ระวังการกินตะขบหน่อยนะครับ เพราะมีเยอะจังwacko.gif

ผมเคยเอาตะขบที่หวานมากมาลองปั่น กะว่าจะทำน้ำตะขบกิน ปรากฏว่ากินไม่ได้เลยครับ เพราะการปั่นไปตีเปลือกมันจนแหลกทำให้เหม็นเขียวมาก และรสขมครับcool.gif

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ คุณ mor lek :D

 

ตอนนี้มดแดงยังไม่ได้ซื้อเครื่องปั่นแรงม้าสูงเลย มีแต่เครื่่องแยกกาก เลยใช้เครื่องแยกกากปั่น น้ำฝรั่ง น้ำสับปะรด น้ำแครอท น้ำกระชาย ทานไปเรื่อยๆก่อน ตอนหน้ามะม่วงแยะๆก็ดีค่ะ กินไม่ทัน สบายดื่มน้ำมะม่วงแทน

 

:blush: แต่น้ำบัวบกยังไม่กล้าทำทาน เพราะชอบทานดิบๆมากกว่า มีอยู่วัน มีน้องเอามาให้แยะมากเพราะรู้ว่าเราชอบ มันไม่เหมือนแบบที่เคยกินใบมันหนาอวบค่ะ คั้นแล้วขมเลยไม่กล้าทาน คุณหมอมีประสบการณ์บ้างใหมคะ มันมีกี่พันธ์แน่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอามาฝากค่ะ แต่จะทำได้หรือไม่นั้น ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองค่ะ....

 

แต่อ่านแล้ว เหมือนหลักการผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนการเล่นโยคะเลย :rolleyes:

 

เทคนิคคลายเครียด (ตอนที่1)

 

รศ. กนกรัตน์ สุขะตุงคะ

ภาควิชาจิตเวชศาสตร์

Faculty of Medicine Siriraj Hospital

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

 

 

ปัจจัยทางจิตวิทยาได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญต่อการแพทย์ตั้งแต่สมัย Hippocrates ดังได้มีประมาณการว่า 60% ของ ผู้ป่วยที่พบแพทย์มีสาหตุเบื้องต้นทางอารมณ์มากกว่าทางกายจริง ๆ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้ก็ใกล้เคียงกับประมาณการในปัจจุบันที่พบ ประมาณ 50-80% ดังนั้น ไม่ว่าผู้ป่วยจะมาด้วยโรคอะไร การให้การดูแลทางด้านจิตใจก็จะช่วยให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

 

การ รักษาด้านจิตใจมีวิธีการหลายแบบทั้งแบบเรียบง่าย เช่น การให้กำลังใจ และแบบที่มีขั้นตอนซับซ้อนและต้องระมัดระวัง เช่น การรักษาทางยาหรือช๊อกไฟฟ้า นอกจากนั้นยังมีการรักษาอีกชนิดหนึ่งซึ่งไม่ต้องใช้ทั้งยาและการกระตุ้นด้วย ไฟฟ้า แต่จะให้ความสำคัญกับการฝึกให้ผู้ป่วยแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึง ปรารถนาให้กลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขด้วยตนเองซึ่งเรียกว่า พฤติกรรมบำบัด การทำพฤติกรรมบำบัดจะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องด้วย 2-3 เรื่อง คือ การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อและการทำ biofeedback ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

 

หลักการทั่วๆ ไปในการสร้างความผ่อนคลายด้วยตนเอง

 

คุณสามารถทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้ด้วยวิธีมุ่งความสนใจไปที่กล้ามเนื้อแต่ละกลุ่มให้เกร็งให้แน่นแล้วค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วจึงค่อย ๆ คลายออก การเกร็งเต็มที่แล้วคลายออกจะทำให้คุณรู้สึกหนักและอบอุ่น เพราะคลื่นบาง ๆ ของกระแสเลือดจะเคลื่อนไหวไปยังอวัยวะส่วนนั้น ๆ เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว คุณก็รู้สึกผ่อนคลายสบาย ข้อสำคัญต้องไม่เร่งการเกร็งกล้ามเนื้อส่วนที่กำลังมีความเครียดให้แน่นจน เกินไปเพราะจะทำให้เป็นตะคริวได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการเกร็ง ปวดเมื่อยที่กล้ามเนื้อส่วนคอ วิธีการแก้ไขก่อนจะทำการผ่อนคลายคือนวดเบา ๆ ให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงก่อน

 

การเริ่มต้นทำที่ง่ายที่สุด มักจะนิยมให้เกร็งนิ้ว ไม่ใช่ฝ่ามือ เกร็งทั้ง 2 ข้างพร้อม ๆ กัน นับในใจ ช้า ๆ ถึง 10 แล้ว ค่อย ๆ คลายมือออก ให้ดูเหมือนกลีบดอกไม้ค่อย ๆ บาน ให้อยู่กับความรู้สึกอบอุ่น สบาย เมื่อกล้ามเนื้อตัวหลังจากเกร็งมาระยะหนึ่งแล้ว ต่อไปจึงทำที่กล้ามเนื้อกลุ่มอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกัน เช่น ที่แขน ให้เกร็งแขนค้างไว้ 10-20 วินาทีแล้วคลายออก

 

ตัวอย่างวิธีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อวัยวะต่าง ๆ

 

:blush: ไหล่

 

- จินตนาการว่ามีเชือกผูกที่ไหลทั้งสองของคุณ เชือกนั้น ๆ ค่อย ๆ ดึงไหล่ของคุณให้ยกสูงขึ้น ๆ ทีละน้อย จนกระทั่งใกล้ติ่งหูมากที่สุด

- เอา ละปล่อยเชือกลงให้ไหล่ลงมาอยู่ตามปกติ แล้วจึงดึงเชือกให้ดึงรั้งไปข้างหลัง จนคุณรู้สึกเกร็งที่ส่วนหลังค้างไว้ แล้วค่อย ๆ ผ่อนเชือก จนกระทั่งไหล่ทั้ง 2 ของคุณกลับคืนสู่สภาพปกติ

- ต่อไปให้ห่อไหลทั้ง 2 ไปข้างหน้าโดยแขนทั้ง 2 เหยียดเกร็ง ค้างไว้ นับ 1-10 แล้วจึงปล่อยลง

 

^_^ ขาอ่อน

 

- ให้เท้าทั้ง 2 กดลงกับพื้นให้แน่นที่สุดจนรู้สึกเกร็งตลอดขา

- ยกขาทั้ง 2 ขึ้นจากพื้น ยืดตรงเข่าไม่งอ กระดกนิ้วเท้าให้ชี้ขึ้นสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เกร็งค้างไว้....ปล่อยลง

 

:excl: เท้า - น่อง

 

- เอาปลายเท้าทั้ง 2 กดพื้นไว้ แล้วยกส้นเท้าให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้เกร็งค้างไว้...ปล่อยลง

- กดส้นเท้าไว้กับพื้น กระดกเท้าขึ้นให้มากที่สุด เกร็งค้างไว้ ......ปล่อยลง

 

:lol: ก้น

 

- ขมิบเกร็งก้น จนรู้สึกเหมือนนั่งสูงขึ้น ค้างไว้....ปล่อยลง

:blink: หลัง

 

- แอ่นตัวไปข้างหน้ามากที่สุด จนตัวโค้งเหมือนคันศร เกร็งค้างไว้....ปล่อย

 

B) กระเพาะลำไส้

 

- แขม่วหน้าท้องให้มากที่สุด จินตนาการว่ากระเพาะลำไส้เข้าไปใกล้กระดูกสันหลังมากที่สุดเกร็งไว้.....ปล่อยลงตามปกติ

 

-_- หน้าอก

 

- เอาฝ่ามือทั้ง 2 ประกบกันข้างหน้าอก แล้วดันเข้าหากันช้า ๆ จนแน่นที่สุดเกร็งค้างไว้....ปล่อย

 

;) ใบหน้า - ศีรษะ

 

- เลิกคิ้วให้สูงสุดเหมือนคุณประหลาดใจเต็มที่ ค้างไว้......ปล่อย

- ยิ้ม กว้าง ๆ ที่สุดจนเห็นฟันมากที่สุดเท่าที่คุณไม่เคยเป็นมาก่อน ค้างไว้...ปล่อย..กดคางลงให้เข้าใกล้หน้าอกให้มากที่สุด ค้างไว้....ปล่อยคืนที่

 

:D คอ

 

- เกร็งกล้ามเนื้อคอ ยื่นส่วนใบหน้าไปข้างหน้า ค่อย ๆ หมุนศีรษะช้า ๆ ตามเข็มนาฬิกา 1 รอบ ทวนเข็มนาฬิกา 1 รอบ

- มีต่อตอนที่ 2-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะ คุณ mor lek :D

 

ตอนนี้มดแดงยังไม่ได้ซื้อเครื่องปั่นแรงม้าสูงเลย มีแต่เครื่่องแยกกาก เลยใช้เครื่องแยกกากปั่น น้ำฝรั่ง น้ำสับปะรด น้ำแครอท น้ำกระชาย ทานไปเรื่อยๆก่อน ตอนหน้ามะม่วงแยะๆก็ดีค่ะ กินไม่ทัน สบายดื่มน้ำมะม่วงแทน

 

:blush: แต่น้ำบัวบกยังไม่กล้าทำทาน เพราะชอบทานดิบๆมากกว่า มีอยู่วัน มีน้องเอามาให้แยะมากเพราะรู้ว่าเราชอบ มันไม่เหมือนแบบที่เคยกินใบมันหนาอวบค่ะ คั้นแล้วขมเลยไม่กล้าทาน คุณหมอมีประสบการณ์บ้างใหมคะ มันมีกี่พันธ์แน่

 

ถ้าหน้ามะม่วงกินแต่น้ำมะม่วงละก็ อิอิ เป็นกลิ้งเป็นลูกขนุนแน่ครับ เพราะมะม่วงพลังงานค่อนข้างสูง

ใบบัวบกผมว่ามันน่าจะขึ้นอยู่กับที่ปลูกนะครับถ้าได้น้ำเยอะใบจะอวบหนา ผมไปเก็บมากินมันขึ้นอยู่ในรังกล้วยไม้ของพี่ชาย ได้น้ำได้ปุ๋ยเยอะ ใบเบ้อเริ่มเลยครับ ผมปั่นแค่ 4-5 ใบ(รวมก้าน)เองครับ รวมๆกับผักและผลไม้อื่นๆอีกกว่า 10 ชนิด อย่างละนิดอย่างละหน่อย มั่วๆใส่เข้าไป (อ้อ ผมใส่ ถั่วแดง เหลือง ดำ ที่ผมเพาะงอกลงไปด้วย)

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แอปเปิ้ล ผลไม้มหัศจรรย์ (1)

 

โดย - เอมอร คชเสนี

 

20090519171715.jpg

 

20090519171936.jpg

 

An apple a day keeps the doctor away.

 

เป็นประโยคอมตะของฝรั่ง ที่เปรียบเปรยสรรพคุณของแอปเปิ้ล ว่ารับประทานเพียงวันละผล ก็ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว เดี๋ยวนี้แอปเปิ้ลหาซื้อได้ง่าย ราคาก็ไม่แพงนัก แถมสรรพคุณก็มากมายจริงๆ ค่ะ

 

แอปเปิ้ลผลขนาดกลางเพียง 1 ผล ล้างให้สะอาดโดยไม่ปอกเปลือก มีคุณค่าทางโภชนาการโดยประมาณดังนี้

 

- พลังงาน 80 แคลอรี

- วิตามิน บี6 0.1 กรัม

- วิตามิน ซี 7.9 มิลลิกรัม

- เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม

- ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม

- โพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม

 

แต่ถ้าปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญจะลดลง

บท ความในวารสารการแพทย์สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2470 เคยยกย่องว่า แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรด ไขข้อรูมาติก เกาต์ ดีซ่าน และอื่นๆ

 

แอปเปิ้ลมีสารสำคัญบางตัว เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ที่ชื่อว่า เพคติน และยังมีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน

 

ปัจจุบันมีการกล่าวอ้าง สรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส เป็นต้น

 

^_^ แอปเปิ้ลช่วยควบคุมน้ำหนัก

 

หาก คุณรู้สึกหิวในเวลาที่มิใช่มื้ออาหาร แอปเปิ้ลสักลูกช่วยลดความหิวได้ดีค่ะ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ใน เวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิด อ่อนเพลียระหว่างเวลาอาหารมื้อใหญ่ๆ

 

ประโยชน์ของแอปเปิ้ลข้อนี้ สาวๆ สามารถนำไปเป็นเทคนิคควบคุมน้ำหนักอย่างง่ายๆ เวลาที่ต้องไปงานเลี้ยง คือเมื่อเริ่มตักอาหาร ให้ตักผลไม้ก่อน เลือกแอปเปิ้ล ส้ม หรือผลไม้ที่มีกากใยมากๆ รับประทานรองท้องแทนอาหารออเดิร์ฟ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที น้ำตาลผลไม้โมเลกุลเดี่ยวจะถูกดูดซึม ทำให้ความอยากอาหารลดลง คุณจึงรับประทานอาหารคาวได้น้อยลง แต่รู้สึกอิ่มได้ดีกว่าอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาลอื่นๆ

 

จากการทดลองพบ ว่า แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณเช่นนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้คุณหายหิว แถมจะทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นด้วย

 

:o แอปเปิ้ลช่วยลดคอเลสเตอรอล

 

แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่พบว่าแอปเปิ้ลลดคอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย

 

นักวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศ เช่น อิตาลี ไอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ได้รายงานผลการวิจัยตรงกันว่า แอปเปิ้ลมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลได้

 

คณะ วิจัยจากมหาวิทยาลัยพอลซาบาทิเอร์ เมืองตูลูส พบว่า แอปเปิ้ลช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ในหนูทดลอง ต่อมาได้มีการทดลองในอาสาสมัครวัยกลางคน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จำนวน 30 คน โดยให้รับประทานอาหารเหมือนเดิมทุกประการ แต่รับประทานแอปเปิ้ลร่วมด้วยวันละ 3 ผลทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าอาสาสมัครจำนวน 24 คนมีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง บางคนลดลงมากกว่า 10%

 

แอปเปิ้ลมีสารเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ การวิจัยบ่งชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน แยกคอเลสเตอรอลออกมาแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับคอเลสเตอรอลเหล่านั้น และนำไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง

 

:rolleyes: แอปเปิ้ลช่วยลดน้ำตาลในเลือด

 

แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป อาหารแต่ละชนิดจะถูกย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแส เลือด ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหาร นั้นๆ เช่น ถ้ารับประทานน้ำผึ้ง น้ำตาลในเลือดจะขึ้นฮวบฮาบทันที แต่สำหรับแอปเปิ้ล ถึงแม้จะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมาก แต่ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เท่านั้น เช่นเดียวกับอาหารจำพวกถั่ว

 

นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่า คนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆ จะมีโอกาสเกิดเบาหวานต่ำกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน

 

ผลการทดลองยังพบด้วยว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มาก จะเกิดอาการความดันโลหิตสูงได้ยากกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย

 

อย่างไรก็ตาม แอปเปิ้ลไม่ใช่ยารักษาโรค แต่หากคุณกำลังมองหาอาหารที่มากด้วยคุณค่าแล้วล่ะก็ อย่าลืมนึกถึงแอปเปิ้ล

 

 

 

source :

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000064752

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แอปเปิ้ล ผลไม้มหัศจรรย์ (1)

 

โดย - เอมอร คชเสนี

 

20090519171715.jpg

 

20090519171936.jpg

 

An apple a day keeps the doctor away.

 

เป็นประโยคอมตะของฝรั่ง ที่เปรียบเปรยสรรพคุณของแอปเปิ้ล ว่ารับประทานเพียงวันละผล ก็ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว เดี๋ยวนี้แอปเปิ้ลหาซื้อได้ง่าย ราคาก็ไม่แพงนัก แถมสรรพคุณก็มากมายจริงๆ ค่ะ

 

แอปเปิ้ลผลขนาดกลางเพียง 1 ผล ล้างให้สะอาดโดยไม่ปอกเปลือก มีคุณค่าทางโภชนาการโดยประมาณดังนี้

 

- พลังงาน 80 แคลอรี

- วิตามิน บี6 0.1 กรัม

- วิตามิน ซี 7.9 มิลลิกรัม

- เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม

- ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม

- โพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม

 

แต่ถ้าปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญจะลดลง

บท ความในวารสารการแพทย์สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2470 เคยยกย่องว่า แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรด ไขข้อรูมาติก เกาต์ ดีซ่าน และอื่นๆ

 

แอปเปิ้ลมีสารสำคัญบางตัว เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ที่ชื่อว่า เพคติน และยังมีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน

 

ปัจจุบันมีการกล่าวอ้าง สรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส เป็นต้น

 

^_^ แอปเปิ้ลช่วยควบคุมน้ำหนัก

 

หาก คุณรู้สึกหิวในเวลาที่มิใช่มื้ออาหาร แอปเปิ้ลสักลูกช่วยลดความหิวได้ดีค่ะ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลถึง 75% ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ใน เวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิด อ่อนเพลียระหว่างเวลาอาหารมื้อใหญ่ๆ

 

ประโยชน์ของแอปเปิ้ลข้อนี้ สาวๆ สามารถนำไปเป็นเทคนิคควบคุมน้ำหนักอย่างง่ายๆ เวลาที่ต้องไปงานเลี้ยง คือเมื่อเริ่มตักอาหาร ให้ตักผลไม้ก่อน เลือกแอปเปิ้ล ส้ม หรือผลไม้ที่มีกากใยมากๆ รับประทานรองท้องแทนอาหารออเดิร์ฟ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที น้ำตาลผลไม้โมเลกุลเดี่ยวจะถูกดูดซึม ทำให้ความอยากอาหารลดลง คุณจึงรับประทานอาหารคาวได้น้อยลง แต่รู้สึกอิ่มได้ดีกว่าอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาลอื่นๆ

 

จากการทดลองพบ ว่า แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณเช่นนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้คุณหายหิว แถมจะทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นด้วย

 

:o แอปเปิ้ลช่วยลดคอเลสเตอรอล

 

แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่พบว่าแอปเปิ้ลลดคอเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย

 

นักวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศ เช่น อิตาลี ไอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ได้รายงานผลการวิจัยตรงกันว่า แอปเปิ้ลมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลได้

 

คณะ วิจัยจากมหาวิทยาลัยพอลซาบาทิเอร์ เมืองตูลูส พบว่า แอปเปิ้ลช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ในหนูทดลอง ต่อมาได้มีการทดลองในอาสาสมัครวัยกลางคน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จำนวน 30 คน โดยให้รับประทานอาหารเหมือนเดิมทุกประการ แต่รับประทานแอปเปิ้ลร่วมด้วยวันละ 3 ผลทุกวัน เป็นเวลา 1 เดือน พบว่าอาสาสมัครจำนวน 24 คนมีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง บางคนลดลงมากกว่า 10%

 

แอปเปิ้ลมีสารเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ การวิจัยบ่งชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน แยกคอเลสเตอรอลออกมาแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับคอเลสเตอรอลเหล่านั้น และนำไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง

 

:rolleyes: แอปเปิ้ลช่วยลดน้ำตาลในเลือด

 

แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป อาหารแต่ละชนิดจะถูกย่อยสลายและดูดซึมผ่านผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแส เลือด ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหาร นั้นๆ เช่น ถ้ารับประทานน้ำผึ้ง น้ำตาลในเลือดจะขึ้นฮวบฮาบทันที แต่สำหรับแอปเปิ้ล ถึงแม้จะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมาก แต่ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เท่านั้น เช่นเดียวกับอาหารจำพวกถั่ว

 

นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่า คนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆ จะมีโอกาสเกิดเบาหวานต่ำกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไฟเบอร์จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน

 

ผลการทดลองยังพบด้วยว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มาก จะเกิดอาการความดันโลหิตสูงได้ยากกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย

 

อย่างไรก็ตาม แอปเปิ้ลไม่ใช่ยารักษาโรค แต่หากคุณกำลังมองหาอาหารที่มากด้วยคุณค่าแล้วล่ะก็ อย่าลืมนึกถึงแอปเปิ้ล

 

 

 

source :

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000064752

 

 

THINK SO.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โรคฮิต ชีวิตติดจอออนไลน์.....

 

 

ไปโหลดมาอ่านนะคะ ดีมากๆเลยค่ะ 38.2 MB

 

http://www.sangsue.co.th/egazine

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“สิทธิตายดี” ความสุขของลมหายใจสุดท้าย”

 

 

ไปโหลดมาอ่านนะคะ ดีมากๆเลยค่ะ....35 MB

 

 

 

http://www.sangsue.co.th/node/67

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...